Monday, July 23, 2012

อาหารแมว


อาหารลูกแมว
ควรให้ลูกแมวอยู่กินนมแม่ไปตลอดจนกว่าจะหย่านมไปเอง ไม่ควรให้ลูกแมวหย่านมเมื่ออายุต่ำกว่า 45 วัน เพราะจะทำให้สุขภาพของแมวไม่สมบูรณ์ในภายหลังได้ อย่างไรก็ตามหลังจากหย่านมยังเป็นอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อลูกแมวอยู่จน กว่าอายุจะเลยเก้าเดือนไปแล้ว อาหารอย่างอื่นจึงจะสำคัญและจำเป็นกว่า แต่ควรให้แมวกินนมวันละครั้งหรือเป็นครั้งคราวและต้องคอยสังเกตว่าแมวมี อาการท้องร่วงท้องเสียจากการกินนมหรือไม่ ถ้ามีควรงด ลูกแมวอายุประมาณ 3 เดือนควรตั้งต้นให้กินอาหารเนื้อได้แล้ว แต่ควรเป็นเนื้อที่สับละเอียดและให้เพียงเล็กน้อย ลูกแมวอายุ 5 ถึง 7 อาทิตย์แล้วแม่แมวให้นมลูกควรจัดให้กินวันละ 4 มื้อ พออายุ 7 ถึง 12 อาทิตย์ลดลงเหลือ 3 มื้อ ถ้าลูกแมวกำพร้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยังไม่หย่านม ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด

อาหารแมว
หากไม่สามารถนำไปให้กินนมแม่แมวตัวอื่นได้ก็ต้องชงนมให้กิน แทนนมแม่ ซึ่งควรระวังเกี่ยวกับความสะอาดและคุณภาพของนมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจทำให้ลูกแมวเกิดติดเชื้อจากนมที่สกปรกนมบูด ทำให้ท้องร่วงถึงตายได้ นมที่ใช้เลี้ยงลูกแมวกำพร้าอาจใช้นมผงเลี้ยงทารก นมวัวสด หรือนมสดยู.เอช.ที ผสมน้ำและวิตามิน นำมาอุ่นอุณหภูมิประมาณ 98-100 องศาฟาเรนไฮท์ หรือ อังพออุ่นมือจับได้กรอกใส่ขวดยางป้อนลูกแมว

อาหารแมวโต
ลูกแมวที่กำลังโตหรือหย่านมแล้วผู้เลี้ยงสามารถจัดอาหารให้กินน้อยลงได้ คือให้วันละ 3 มื้อเท่า ๆ กับคนและเมื่อโตเต็มที่เป็นแมวหนุ่มที่อาจลดจำนวนอาหารเหลือเพียง 2 มื้อ คือเช้าและเย็นก็พอ ที่สำคัญคือควรฝึกให้แมวกินอาหารเป็นเวลา ไม่ควรทิ้งอาหารไว้ในจานให้แมวกินตลอดทั้งวัน เพราะเป็นการเสียนิสัย อาหารอาจมีแมลงวันตอมนำเชื้อโรคมาให้ หรืออาหารบูดเสีย ทำให้แมวท้องร่วงได้

อาหารลูกแมว
อาหารแมวท้อง
อาหารที่ใช้เลี้ยงแมวกำลังตั้งท้องนั้นจะต้องมีคุณภาพสูง โปรตีนมาก ไขมันน้อย ขนาดและปริมาณที่ใช้ใน 5 ถึง 6 อาทิตย์แรกของการตั้งท้องพอ ๆ กับใช้เลี้ยงดูแมวโตเต็มวัยประจำวัน แต่จะเพิ่มปริมาณอาหารให้มากขึ้นตามน้ำหนักตัวแมวในระยะ 3 อาทิตย์สุดท้ายก่อนคลอด คือเพิ่มอาหารให้ปริมาณ 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ก่อนคลอด 1 ถึง 2 วัน แม่แมวบางตัวมักไม่ค่อยกินอาหารหรือไม่กินเลยเพราะมัวตั้งหน้าตั้งตาหาสถาน ที่หรือกังวลอยู่กับลังคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่แมวสาวท้องแรกแต่ถือเป็นเรื่องปกติ หลังคลอดลูกแล้วก็จะกินอาหารเอง ข้อพึงระวังคืออย่าขุนจนแมวอ้วนเกินไปทำให้คลอดลำบาก หรือคุมอาหารเสียจนผอมไปไม่มีแรงเบ่งในการคลอด หลังจากคลอดแล้ว แม่แมวก็กลายเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ซึ่งอาหารที่ใช้เลี้ยงแมวในช่วงนี้ไม่ได้ให้เฉพาะแต่แม่เท่านั้น มันต้องถ่ายทอดไปยังลูกแมวด้วยโดยการเปลี่ยนเป็นน้ำนม ฉะนั้นปริมาณอาหารที่แม่แมวกินจะต้องมีปริมาณเพียงพอเหมือนช่วงตั้งท้อง

อาหารแมวแก่
แมวแก่แมวสูงอายุ ร่างกายย่อมต้องการพลังงานน้อยลงจึงไม่ต้องการอาหารมากนัก เพราะถ้ากินมากก็รังแต่ละทำให้มีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเกินไป ซึ่งควรให้อาหารน้อยลง โดยหลักการแล้วอาหารสำหรับแมวแก่ต้องย่อยง่าย วิตามิน เนื้อที่ไม่มีผังผืด อาหารที่ไม่มีไขมันหรือน้ำตาลที่จะทำให้อ้วน พวกแป้ง วิตามิน รวมทั้งแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อบำรุงร่างกายปริมาณที่ให้ก็ไม่ควรมากเกินไป เพราะแมววัยนี้แล้วไม่กกระฉับกระเฉง การวิ่งเล่นออกกำลังกายย่อมน้อยลงตามอายุ กินกินนอนนอนไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายเริ่มย่อนประสิทธิภาพ ฉะนั้นอาหารที่กินเข้าไปมาก ๆ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้วยังทำให้เกิดโทษ เช่น แน่นท้องและท้องอืดได้
Continue lendo

แมวไทย (Siamese Cat)

cat1
แมวไทย (Siamese Cat)
แมวไทยเป็นสัตว์เลี้ยงผู้ภักดี ที่ใครๆต่างก็กล่าวขวัญถึง แมวไทยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเซีย ในอดีตแมวไทยเคยเป็นสัตว์เลี้ยงที่หาได้ยาก แต่ปัจจุบัน นักพันธุศาสตร์ ได้พยายามคิดค้น และหาวิธีการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ ทั้งนี้เพื่อให้ได้มา ซึ่งแมวไทยพันธุ์ดี ด้วยเหตุที่สมัยก่อน แมวไทยเป็นสัตว์เลี้ยงที่หายาก จึงทำให้ผู้เลี้ยงหวงแหน เป็นพิเศษ ถึงขนาดมีคดีขึ้นโรงขึ้นศาลมาแล้ว ซึ่งในบันทึกพงศาวดารของไทยเรา เมื่อประมาณ กว่าร้อยปี ได้ระบุว่า Owen Gould ชาวอังกฤษ ต้องโทษถึงประหารชีวิตด้วยข้อหา ที่พยายาม นำแมวไทยคู่หนึ่ง ออกนอกราชอาณาจักรไทย (ก่อนหน้านี้ ก็มีชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่ง ได้ก่อคดีแบบนี้ มาแล้ว) สีสันตามตัวของแมวไทย เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักรักแมวตัวยง รู้สึกสุขใจ ยามได้มอง ไม่ว่าจะเป็น วิเชียรมาศ เก้าแต้ม ขาวมณีหรือขาวปลอด นิลรัตน์หรือดำปลอด ศุภลักษณ์หรือ ทองแดง สีสวาดหรือแมวไทยพันธุ์โคราช ต่างล้วนได้รับความสนใจ จากเจ้าของและผู้สนใจทั้งสิ้น

วิเชียรมาศ
วิเชียรมาศ เป็นแมวที่คนไทยโบราณ มักเลี้ยงไว้ในราชสำนัก เพราะถือเป็นแมวนำโชคลาภ วิเชียรมาศมีสีขนเป็นสีครีมอ่อนๆ ขนเป็นมันวาว มีขนสีเข้มเรียกว่า "แต้ม" สีแต้มเป็นสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งมีอยู่บนตัว ๙ แห่ง คือ หู ๒ ข้าง, ปลายเท้าทั้ง ๔, ปลายหาง ๑, ปลายจมูก ๑, และที่อวัยวะเพศอีก ๑

เก้าแต้ม
เก้าแต้ม ตามตำราสมุดข่อยโบราณ จะกำหนดตำแหน่งแต้มไว้อย่างตายตัว โดยที่ แต้มจะต้องเป็นสีดำ บนพื้นตัวสีขาว ในปัจจุบันอนุโลมในเรื่องของตำแหน่งแต้ม แต่กำหนดไว้เพียงว่า ต้องมีแต้มให้ครบทั้ง ๙ มีสีขนเป็นพื้นกายสีขาว มีแต้มเป็นสีดำ จำนวน ๙ แห่ง

ขาวมณีหรือขาวปลอด
ขาวมณี หรือขาวปลอด มีดวงตา ๒ สีเท่านั้น คือสีฟ้า กับ สีเหลืองอำพัน แต่เมื่อนำทั้งสองชนิดมาผสมพันธุ์กัน จะได้แมวขาวมณีตา ๒ สี คือสีฟ้าข้างหนึ่ง และสีเหลืองอำพันอีกข้างหนึ่ง มีสีขนเป็นสีขาวสะอาดตลอดทั้งตัว ขนสั้น แน่น และอ่อนนุ่ม

ศุภลักษณ์หรือทองแดง
ศุภลักษณ์ หรือทองแดง มีผู้นำไปจดทะเบียนว่าเป็นแมวพม่า แต่แท้จริงแล้วเป็นแมวไทย เนื่องจากโครงสร้าง และลักษณะนิสัยเหมือนแมวไทยมาก สีขนเป็นสีน้ำตาลเข้ม คล้ายสีทองแดง ส่วนหูและใบหน้า จะมีสีเข้มมากกว่าที่อื่น

สีสวาดหรือแมวไทยพันธุ์โคราช
สีสวาด หรือแมวไทยพันธุ์โคราช เป็นแมวที่ชาวบ้าน ใช้ในพิธีแห่นางแมวขอฝน เพราะเชื่อว่าสีขนเป็นสีเดียวกับเมฆ จะทำให้เกิดฝนแก่ชาวไร่ชาวนาได้ มีสีขนเป็นสีเทาหม่น คล้ายสีเมฆ เรียกว่าสีดอกเลา หรือสีสวาด คนโบราณเรียกว่า แมวมาเลศ

ดำปลอดหรือนิลรัตน์
ดำปลอด หรือนิลรัตน์ ตามตำราสมุดข่อยโบราณ ต้องมีสีดำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสีขน ฟัน ลิ้น ดวงตา และลิ้น แต่ในปัจจุบันแมวในลักษณะนี้ไม่มีปรากฎ จึงเหลือเพียงแต่ สีขน ที่เป็นสีดำสนิททั่วทั้งร่าง ไม่มีสีอื่นแซม หรือปน

จากปฏิทินของบริษัท ซิว-เนชั่นแนล จำกัด ประจำปี ๒๕๓๘
Continue lendo

พันธุ์แมวไทย

พันธุ์แมวไทย

แมวไทยเป็น แมว พันธุ์แท้ที่สืบเชื้อสายมาจาก แมว โบราณ ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นแมวพันธุ์ขนสั้นที่สวยสง่าที่สุดในโลก และแมวไทยยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก น่าเอ็นดู มีเสน่ท์ เป็นที่นิยมกันทั่วโลกอีกด้วย

1. แมวพันธุ์วิเชียรมาศ หรือแมวสยาม

แมวพันธุ์วิเชียรมาศ หรือแมวสยาม
ลักษณะประจำพันธุ์ : แมววิเชียรมาศเป็นแมวที่ชาวต่างประเทศรู้จักกันในนามแมวสยาม (Siamese) ลักษณะที่จำเพาะของแมววิเชียรมาศ คือ สีน้ำตาล

ลักษณะสีขน : ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)

ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีฟ้า

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

2. แมวขาวมณี

แมวขาวมณี
ลักษณะสีขน : ขนสั้นแน่นและอ่อนนุ่ม สีขาวไม่มีสีอื่นปน สีผิวหนังเป็นสีขาวปลอดทั้งตัว

ลักษณะของส่วนหัว : รูปร่างไม่กลม หรือแหลมเกินไป แต่คล้ายรูปหัวใจ ผน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูตั้งใหญ่

ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีฟ้า หรือสีเหลืองอำพัน

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

3.แมวสีสวาด (Silver blue) หรือแมวโคราช (Korat cat)

แมวสีสวาด หรือแมวโคราช 
ลักษณะประจำพันธุ์ : ของแมวสีสวาด แมวพันธุ์นี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คือ แมวโคราช แมวมาเลศ หรือแมวดอกเลา แมวโคราชเป็นแมวที่พบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือเรารู้จักกันในนามว่าโคราช

ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย

ลักษณะของส่วนหัว : หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน

ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

4. แมวโกญจา

แมวโกญจา
ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีดำตลอดทั้งตัว

ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

5.แมวศุภลักษณ์

แมวศุภลักษณ์
ลักษณะประจำพันธุ์ : ของแมวศุภลักษณ์ แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียว ฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง สีขนออกสีน้ำตาลเข้ม คล้ายสีสนิม (สีทองแดง) แต่จะมีสีเข้มมาก ขึ้นบริเวณส่วนหูและในหน้า นัยน์ตาสีเหลืองอำพัน เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสระเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร ปัจจุบันเมืองไทย หายากมาก แต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งเขาได้พัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ และสีอื่นๆ มากมาย

Continue lendo

เรื่องเล่า “แมวไทย”


เรื่องเล่า “แมวไทย”
สิ่ง หนึ่งที่เราในฐานะคนไทยควรจะภาคภูมิใจก็คือ เรามีเอกลักษณ์สำคัญของชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การไหว้ ภาษาหรือการดนตรี รวมทั้งสายพันธุ์ของสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดจากบ้านเราโดยเฉพาะ เช่นสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน หรือพันธุ์บางแก้ว รวมไปถึง “แมวไทย” ทุกสายพันธุ์
                ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า แมวไทย นั้น มีจุดกำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมีทั้งสิ้นกี่สายพันธุ์กันแน่ แต่ตามสมุดข่อยโบราณระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า แมวไทยในสมัยอยุธยานั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ๒๓ สายพันธุ์ โดยแบ่งเป็นแมวให้คุณทั้งสิ้น ๑๗ สายพันธุ์  ดังนี้ วิเชียรมาศ ศุภลักษณ์ มาเลศ โกนจา นิลรัตน์ วิลาศ เก้าแต้ม รัตนกำพล นิลจักร มุลิลา กรอบแว่น ปัดเสวตร กระจอก สิงหเสพย์ การเวก จตุบท และแซมเศวตร โดยมีแมวให้โทษอีกทั้งสิ้น ๖ สายพันธ์คือ ทุพลเพศ พรรณพยัคฆ์ ปีศาจ หิณโทษ กอบเพลิง และเหน็บเสนียด
                เหตุ ที่แบ่งเป็นแมวให้คุณกับแมวให้โทษนั้น เป็นความเชื่อของคนในสมัยโบราณโดยดูจากบุคลิกลักษณะของแมวแต่ละสายพันธุ์ ว่าเลี้ยงแล้วจะนำสิ่งที่ดี ๆ หรือสิ่งชั่วร้ายมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ ถัดจากบันทึกในสมัยอยุธยา เรื่องราวของแมวไทยก็ได้หายไปจากหลักฐานต่าง ๆ  จน กระทั่งมาปรากฏอีกทีในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพระองค์ได้ทรงพระราชทานแมวไทยสายพันธุ์วิเชียรมาศคู่หนึ่งให้กับกงสุล อังกฤษ ซึ่งกงสุลอังกฤษคนนั้นได้นำแมวไทยไปประกวดที่ประเทศอังกฤษโดยผลปรากฏว่าแมว ไทยชนะเลิศในประเภทแมวขนสั้น ส่งผลให้แมวไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ทั้งนี้ในสมัยนั้นแมวไทยจะเลี้ยงอยู่ในวังเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์วิเชียรมาศ ชาวบ้านธรรมดาไม่มีสิทธิ์ในการเลี้ยงแมวไทย และห้ามไม่ให้ซื้อขายแมวไทยกันด้วย
                กาล เวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน จากเดิมที่มีทั้งสิ้น ๒๓ สายพันธุ์ ทุกวันนี้แมวไทยเหลือเพียง ๖ สายพันธุ์เท่านั้น ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะแมวไทยในวังเริ่มลดจำนวนลง แมวกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่กระจัดกระจายตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ในวัด หรือตามบ้านเรือนประชาชน ขาดการควบคุมดูแลอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทำให้แมวไทยไปผสมกันเองตามธรรมชาติจนเกิดการข้ามสายพันธุ์ ในยุคหลัง ๆ แมวไทยเดิมพันธุ์แท้เริ่มหายากเข้าไปทุกที จนสุดท้ายเริ่มหมดไปเรื่อย ๆ เหลืออยู่เพียง ๖ สายพันธุ์
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแมวให้คุณทั้งสิ้น ดังนี้
วิเชียรมาศ  เมื่อ แรกเกิดจะมีขนสีขาวทั้งหมด พอโตขึ้นขนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเทาอ่อน ๆ แต่ที่ปาก หาง เท้าทั้งสี หูทั้งสองข้าง และที่อวัยวะเพศอีกหนึ่งแห่ง รวมทั้งสิ้นเก้าแห่งมีสีดำหรือสีเข้มกว่าส่วนอื่น ๆ  มีนัยน์ตาประกายสดใส ใครเลี้ยงไว้มีคุณค่ายิ่งจะนำทรัพย์สมบัติมาให้
ศุภลักษณ์  หรือมีอีกชื่อว่า “ทองแดง” จะมีสีขนเป็นสีทองแดงตลอดทั้งตัว นัยน์ตาเป็นประกาย ใครเลี้ยงไว้จะนำมาซึ่งยศถาบรรดาศักดิ์
แซมเสวตร  มีขนสีดำแซมขาว ขนบางและสั้น รูปร่างเพรียว มีในตาเหมือนหิ่งห้อย ใครเลี้ยงไว้ดี มีคุณหนักหมา
โกนจา  จะมีสีดำละเอียด ในตาสีดอกบัวแรกแย้ม หางเรียวยาว ท่าทางการเดินสง่าเหมือนสิงโต ใครที่เลี้ยงแมวพันธุ์นี้ไว้จะได้รับแต่สิ่งที่ดี ๆ
สีสวาด หรือ มาเลศ หรือ แมวโคราช  มี ขนสีดอกเลาเปรียบเสมือนกับเมฆสีเทายามฟ้ายับฝน มีนัยน์ตาหยาดเยิ้มประหนึ่งน้ำค้างบนกลีบบัว เป็นแมวที่เชื่อกันว่านำมาซึ่งความสุข ความเป็นมงคลให้กับผู้เลี้ยง
ขาวมณี  แมว ไทยอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ไม่ได้มีระบุไว้ในสมุดข่อยโบราณ แต่ก็ถูกจัดว่าเป็นแมวไทยด้วยเช่นกัน เป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในปัจจุบัน เชื่อกันว่าเพิ่งถือกำเนิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ มีสีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้นนุ่ม รูปร่างลำตัวยาว ขาเรียว ทรงเพรียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ ดวงตาจะรีเล็กน้อย ในตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่ง เมื่อนำแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขาวมณีตาสีอำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี
                นอก จากรูปร่างลักษณะที่สวยงามแล้ว สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างของแมวไทยก็คือ อุปนิสัย ที่รักอิสระเป็นที่หนึ่ง ฉลาด เป็นตัวของตัวเอง รักบ้าน รักเจ้าของ ทั้งหมดเมื่อมารวม ๆ กันทำให้แมวไทยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทั้งในบ้านเราเองและต่างประเทศ
                ใน ฐานะหนึ่งในเอกลักษณ์ของชาติ เราทุกคนจึงควรมีหน้าที่ดูแลและมอบความรักให้กับแมวไทยทุกสายพันธุ์ เพื่อให้แมวไทยยังคงอยู่คู่ประเทศของเราไปอีกนาน ๆ
Continue lendo

การฝึกแมว วิธีฝึกแมว เลี้ยงแมวให้เชื่อง ทำอย่างไร ฝึกอย่างไร เริ่มอย่างไร


วิธีการฝึกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง
 
                ลูกแมวส่วนใหญ่จะเรียนรู้การรักษาความสะอาดจากแม่ของมัน ลูกแมวจะคุ้ยดินหรือทรายมากลบอุจจาระของมันโดยนิสัยนี้เป็นมาแต่กำเนิด ลูกแมวที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ของมันจะเป็นปัญหาสำหรับการฝึกให้อุจจาระภายในบ้าน แต่ปกติแล้วแมวเป็นสัตว์ที่สะอาดอยู่แล้ว ถ้าหากลูกแมวปฏิเสธการใช้ถาดสำหรับขับถ่ายแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องค้นหาเหตุผลให้ได้ โดยเฉพาะถ้าเกิดซ้ำ ๆ กัน สาเหตุที่เป็นไปได้สาเหตุหนึ่งคือ ถาดนักถูกใช้มาก่อน แต่ถ้าถาดนั้นยังไม่ได้ใช้งานมาเลย ก็อาจเป็นไปได้ว่าวางผิดที่ ทางเลือกอีกวิธีหนึ่งคือ หากล่องใบที่สองมาไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่งในห้อง ในกรณีที่ลูกแมวอาจจาระร่วง และไม่อาจจะไปถึงกล่องนี้ได้ ก็จำเป็นต้องพาไปพบสัตวแพทย์

                 เมื่อ ลูกแมวเคยชินกับถาดสำหรับขับถ่ายแล้ว ลูกแมวก็จะใช้มันต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเกิดเหตุบังเอิญขึ้นที่หนึ่งที่ใดในห้อง การลงโทษลูกแมวจะไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะมันไม่เข้าใจเหตุผลว่า เพราะเหตุใดมันจึงต้องถูกปฏิบัติอย่างรุนแรงเช่นนี้ การลงโทษมีแต่จะทำให้มันเกิดพฤติกรรมซ่อนเร้น มีเล่ห์กระเท่และขาดความไว้วางใจในตัวเจ้าของ เมื่อพื้นห้องเกิดการเปรอะเปื้อนด้วยอุจจาระแมวจะต้องทำความสะอาดให้ทั่ว เพราะลูกแมวจะจำกลิ่นของมันเองและจะกลับมาถ่ายที่บริเวณเดียวกันนั้นอีก
                  คุณควรจะมีถุงมือยางคู่หนึ่งสำหรับการทำความสะอาดโดยเฉพาะเพื่อไม่ให้มือเปื้อนเศษอุจจาระ บริเวณพื้นที่เปื้อนจะต้องเช็ดถูอย่างดี ถ้าให้ดีควรราดด้วยน้ำร้อน ๆ และยาฆ่าเชื้อหลังจากเก็บเศษอุจจาระออกไปแล้ว จากนั้นให้ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดอีกครั้งหนึ่งเพื่อดับกลิ่น แต่ทั้งนี้ควรใช้อย่างระมัดระวัง ขึ้นอยู่กับพื้นผิวห้องนั้น ๆ น้ำยาเคมีที่ใช้ทำความสะอาดอาจจะหาซื้อได้ตามร้านขายสัตว์เลี้ยงและนำมาใช้แทนกันได้ นอกจากนี้ยังอาจจะใช้แชมพูฟอกพรมที่สกปรกหรือใช้ยาขัดที่มีกลิ่นหอมเช็ดตามเฟอร์นิเจอร์ก็จะปลอดภัยเช่นเดียวกัน
                    บางครั้งแมวที่มีอายุมากก็จงใจปัสสาวะตามที่ที่มันอยู่ พฤติกรรมเช่นนี้ส่วนใหญ่จะพบในแมวตัวผู้ที่สมบูรณ์ดี แต่บางครั้งก็พบในแม่พันธุ์ขณะที่เป็นสัด แต่ไม่บ่อยนัก นิสัยแบบนี้เรียกว่าการปัสสาวะรด ( Spraying) และเป็นการแสดงถิ่นที่ของสัตว์ แมวที่ถูกตอนไม่ว่าจะเป็นตัวผู้หรือตัวเมียจะไม่ค่อยปัสสาวะรด นอกจากรู้สึกว่าอันตรายหรือมีอาการตื่นกลัว เช่น มีแมวตัวใหม่เข้ามาอยู่ด้วย
                  วิธี ป้องปรามไม่ให้แมวปัสสาวะรดที่ได้ผลจริงจังนั้นไม่มี ด้วยเหตุนี้จึงควรนำแมวที่ไม่ได้มุ่งจะเลี้ยงไว้ทำพันธุ์ไปตอนเสียขณะที่ อายุยังน้อย ๆ และจำเป็นต้องทำความสะอาดบริเวณที่สกปรกให้ทั่ว เพื่อขจัดกลิ่นต่าง ๆ ให้หมดไม่ให้แมวจำกลิ่นได้ วิธีที่จะป้องกันส่วนหนึ่งส่วนใดของห้องจากการถูกแมวปัสสาวะรดนั้น จะต้องให้อาหารแมวให้ใกล้บริเวณที่มันเคยปัสสาวะ
                  ในการปล่อยให้พื้นห้องเปรอะเปื้อนต่อไปนั้น คุณไม่เพียงแต่จะต้องอยู่กับกลิ่นฉุนเท่านั้น แต่จะไม่สามารถป้องกันไม่ให้แมวมาปัสสาวะรดอีก เพื่อเสริมกลิ่นเดิมได้
                 ขณะที่ถาดขับถ่ายเป็นสิ่งสำคัญ บานเปิดสำหรับแมว ( Cat flop) อาจจำเป็นหรือไม่จำเป็น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะปล่อยแมวออกไปนอกบ้านหรือไม่ อย่างไรก็ตาม บานเปิดนี้ก็เป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกสบายโดยแมวจะเข้าออกได้ตามที่ปรารถนา บานเปิดนี้จะต้องมีกลอนเพื่อปิดล็อคได้ในยามค่ำคืน
                 เมื่อ ปล่อยแมวออกนอกบ้านได้โดยปลอดภัยแล้ว ก็ควรสอนให้มันรู้จักและใช้บานเปิด การชักชวนเกลี้ยกล่อมให้มันใช้บานสวิงชนิดนี้จะต้องใช้ความอดทน เพราะมันจะกลัวการถูกบานประตูหนีบขณะที่ผ่านเข้าออก ในระยะแรก ควรจะยึดให้บานประตูเปิดไว้ให้เห็นช่องเข้าออกได้ชัดเจน จากนั้นจึงพยายามให้แมวเข้าออกจากบ้านด้วยเส้นทางนี้ ระยะต่อไปให้ลดบานลงบางส่วนโดยใช้ไม้ค้ำยันไว้และเรียกแมวซึ่งอยู่ภายใน บ้านออกมา โดยอาจจะวางถาดนมไว้ที่พื้นด้านนอก เพื่อล่อให้มันออกไป และเมื่อปิดประตูบ้าน การคะยั้นคะยอให้แมวออกผ่านบานเปิดไปคงจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก หลังจากนั้น ก็ปฏิบัติเช่นนี้ซ้ำอีก แต่กลับทิศทางเสีย เพื่อให้แมวรู้สึกมั่นใจว่าจะกลับผ่านเข้ามาในบ้านได้ ในไม่ช้ามันจะใช้อุ้งเท้าผลักบานเปิดออกด้านนอก ในระหว่างนี้ควรเรียกให้มันเข้าบ้านเวลากลางคืนถ้ามันได้ออกไปในเวลากลางวัน แล้ว เพื่อที่จะเปิดล็อคบานเปิดนี้ให้สนิท
กลวิธีง่าย ๆ ในการฝึกสอนแมว
              แมว จะรู้ชื่อของมันได้แน่ โดยเฉพาะถ้าเป็นชื่อเรียบง่าย และมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ลูกแมวจะตอบสนองต่อการฝึกสอนได้ดีกว่าเป็นอันมาก และไม่นานนักมันจะเดินเข้ามาหาเมื่อถูกเรียกในการสอนให้มันรู้จักชื่อตัวมัน เองนั้น ให้เรียกชื่อมันก่อนอาหารแต่ละมื้อ เพื่อให้เสียงเรียกชื่อนั้นสัมพันธ์กับรสชาติของอาหารอันน่าเอร็ดอร่อย จะทำให้มันพร้อมจะตอบสนองต่อเสียงเรียก ซึ่งเราควรจะตอกย้ำให้มากขึ้นด้วยการให้ความสนใจต่อมันทุกครั้งที่มันเข้ามา หา
              แม้ว่าการสอนให้แมวรู้จักตอบสนองต่อเสียงเรียกชื่อของมันเป็นส่วนสำคัญในการเป็นเจ้าของมัน แต่คุณก็อาจจะสอนเรื่องอื่น ๆ ได้ด้วย โดยไม่ลำบากยากเย็นนัก กลวิธีง่าย ๆ วิธีหนึ่ง คือสอนให้มันรู้จักขออาหาร โดยถือชิ้นอาหารไว้เหนือศีรษะของมันให้อยู่ในระยะที่มันเอื้อมไม่ถึง แมวจะพยายามยืดตัวเพื่อเอื้อมเอาอาหาร จากนั้นจึงให้อาหารแก่มันเป็นรางวัล แม้ว่าในระยะแรกจะต้องปฏิบัติเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลาย ๆ ครั้งแต่ในไม่ช้า แมวจะเรียนรู้วิธีการนี้
              แม่ แมวจะเริ่มสอนวิธีทำความสะอาดแก่ลูก ๆ เมื่ออายุได้ประมาณสามสัปดาห์ การเลียบริเวณทวารหนักหลังจากการกินอาหารจะเป็นการทำให้ลูกแมวปัสสาวะและ ถ่าย ควรจัดถาดขับถ่ายไว้ให้ลูกแมวตั้งแต่อายุ 2 สัปดาห์ครึ่งเป็นต้นไป มิฉะนั้น มันจะหาที่ขับถ่ายเองซึ่งเป็นนิสัยที่แก้ยาก ถาดดังกล่าวควรบรรจุไว้ด้วยเศษหญ้าเศษฟางที่แห้ง สะอาด และดูดซับได้ดี ควรเปลี่ยนเป็นประจำ จงอย่ากังวลถ้าหากลูกแมวเอาอุ้งเท้าไปคุ้ยเขี่ยเศษอุจจาระของมัน เพราะเรื่องนี้เป็นธรรมชาติ แมวส่วนใหญ่ที่อยู่ในป่าจะซ่อนอุจจาระของมันโดยการเขี่ยกลบ
              แมวนั้นสามารถสอนให้ปัสสาวะ และถ่ายอุจจาระนอกบ้านได้ง่าย แต่จะต้องเตรียมที่ทางให้มันเข้าออกได้ บานเปิดสำหรับแมวนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ทุกแบบใช้หลักการเดียวกันคือให้แมวผลักบานสวิงให้เปิดออก บางแบบจะทำงานโดยใช้แม่เหล็กที่ผูกติดปลอกคอของมัน เพื่อไม่ให้แมวจรจัดเปิดเข้ามา หรือมีตัวอื่นเดินผ่านตามมาในฤดูผสมพันธุ์ แม่แมวจะมีส่วนสำคัญในการฝึกสอนการใช้บานเปิดนี้ โดยลูก ๆ ของมันจะคอยเฝ้าสังเกต

เราสามารถฝึกแมวได้จริงหรือ?

แมวเป็นสัตว์ที่รักอิสระและมีโลกของตัวเองสูงมาก เราจะสามารถฝึกแมวได้จริงหรือ ?

ผู้ เลี้ยงแมวหลายๆคนอาจคิดว่าแมวที่เขาเลี้ยงไม่เคยที่จะฟังเขาเลย บางคนคิดว่าแมวนั้นออกจะเย่อหยิ่งเกินไปที่จะสอน ในความเป็นจริงแล้วนั้นเป็นเพราะว่ามันไม่รู้และไม่เข้าใจว่าคุณกำลังต้อง การจะให้มันทำอะไรและคุณต้องการอะไรจากมัน

ในการที่จะฝึกแมวนั้นคุณ จะต้องใช้เวลาและความอดทนเป็นอย่างมาก คุณจะต้องใช้เวลามากกว่าการฝึกสุนัขเสียอีก มันจะดีกว่าหากคุณจะไม่ดุด่าแมวของคุณ เพราะบางครั้งมันจะไม่ฟังคุณเลยหากว่าคุณไม่ได้มองหน้ามัน

อายุที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกมันก็คือประมาณแปดสัปดาห์ อย่างไรก็ตามแมวทุกช่วงอายุสามารถนำมาฝึกได้ทั้งสิ้น

เริ่มอย่างไรดี
อย่าง แรกเลย คุณจะต้องฝึกให้มันมาหาคุณเมื่อคุณเรียก เมื่อมันมาหาคุณแล้วคุณอาจจะอุ้มมันในท่าที่มันชอบและให้รางวัล ขอให้มั่นใจว่าแมวของคุณอยู่ในอารมณ์ที่ดี สภาพโดยรอบนั้นไม่ควรที่จะมีเสียงดัง เนื่องจากแมวมักจะสับสนได้ง่ายและทำให้การเรียนรู้ของมันช้าลง โดยการฝึกเหล่านี้ควรจะฝึกทีละอย่าง โดยใช้เวลาสั้นๆและง่ายต่อการปฏิบัติ


คราว นี้มาเริ่มเลยด้วยการนั่งหรือคุกเข่าลงบนพื้น แล้วคุณก็ควรจะทำเสียงที่ฟังแล้วสบายหูเรียกมันมา หลังจากนั้นก็ให้รางวัลแก่มัน สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือการชมมัน โดยคุณจะต้องทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆรอบ และถ้ามันรู้สึกรำคาญก็ขอให้คุณหยุดการฝึกไว้ก่อน และควรฝึกให้ได้สองสามครั้งต่อวัน  หลังจากที่มันเรียนรู้ชื่อของมันแล้วคุณก็สามารถฝึกให้มันทำอย่างอื่นได้อีก


ใช้ปลอกคอ กับ สายจูง กับแมว
ใน ขั้นเริ่มแรก คุณอาจจะต้องใช้เครื่องควบคุมมัน และถ้ามันเริ่มฟังคุณแล้ว คุณก็ควรจะชมและให้รางวัลแก่มัน หลังจากที่มันเริ่มชินกับการใส่ ปลอกคอแล้ว จากนั้นให้คุณติดสายจูง ไว้กับมันและพามันเดินไปรอบๆ แล้วแมวของคุณก็จะเรียนรู้ที่จะเดินตาม สายจูงนั้น แต่ไม่ใช่แมวทุกตัวที่จะเชื่อฟังแบบนี้


ฝึกให้อยู่ในลัง(Crate)
สำหรับ การฝึกนี้ ถือว่าค่อนข้างง่าย เนื่องจากว่าแมวนั้นชอบที่จะอยู่ในที่มืดอยู่แล้ว โดยที่คุณสามารถใส่ผ้าห่มนุ่มๆและของเล่นสำหรับแมวลงไปในลัง(Crate)นั้น ด้วย  เมื่อคุณอุ้มมันไปไว้ในลังแล้ว ให้คุณชมมันพร้อมกับให้รางวัล ปล่อยให้มันอยู่ในนั้นประมาณ 2-3 นาที แล้วให้มันออกมา แต่ห้ามชมหลังจากที่มันออกมาแล้ว เพราะมันอาจจะคิดว่า การที่มันออกมานั้นเป็นสิ่งที่คุณต้องการจะฝึกและอาจจะทำให้มันสับสนได้ อย่าลืมให้รางวัลกับมันทุกครั้งที่มันเข้าไปในลัง และปล่อยให้มันอยู่ในลังนานขึ้นในแต่ละครั้ง จากนั้นมันก็จะรู้ว่านี่คือสิ่งที่มันควรจะทำ
Continue lendo

แมวไทย

แมวไทย คือแมวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทย คุณสมบัติที่ทำให้แมวไทยเหนือกว่าแมวชนิดอื่น คือ อุปนิสัย แมวไทยมีความฉลาด มีความเป็นตัวของตัวเอง รู้จักคิด รู้จักประจบ รักบ้าน รักเจ้าของ และเหนืออื่นใด คือ รักความอิสระของตัวเองเป็นชีวิตจิตใจ อิสระที่ จะกิน จะดื่ม หรือจะไปไหนตามที่ใจชอบ ซึ่งถือว่าเป็นบุคลิกประจำตัวที่ทำให้แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่น สีสันตามตัวของแมวไทย เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักรักแมวรู้สึกสุขใจยามได้มอง ไม่ว่าจะเป็น วิเชียรมาศ เก้าแต้ม ขาวมณีหรือขาวปลอด นิลรัตน์หรือดำปลอด ศุภลักษณ์หรือ ทองแดง สีสวาดหรือแมวไทยพันธุ์โคราช ต่างล้วนได้รับความสนใจ จากเจ้าของและผู้สนใจทั้งสิ้น
เมื่อปี พ.ศ. 2427 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานแมววิเชียรมาศคู่หนึ่งให้แก่ กงสุลอังกฤษชื่อนาย โอเวน กูลด์ (Owen Gould) แมวไทยคู่นี้ชนะการประกวดแมวที่ กรุงลอนดอน และทำให้ชาวอังกฤษนิยมเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น ในที่สุดก็แพร่หลายไปทั่วโลก และแมววิเชียรมาศก็เป็นที่รู้จักในภาษาอังกฤษว่า "Siamese Cat" หรือแมวสยาม นับแต่สมัยกรุงธนบุรีเป็นต้นมา จวบจนถึง สมัยรัชกาลที่ 5 ลาวได้อพยพสู่สยามโดยการกวาดต้อนครัวเรือนชาวลาวไปสยามจำนวนมาก พวกสัตว์ประเภทต่างๆก็คงได้อพยพไปด้วย แมวไทยอาจมีสายเลือดแมวลาวปนอยู่ด้วยอย่างมาก
สำหรับในประเทศไทย คนไทยที่เป็นที่รับรู้ดีว่าชอบเลี้ยงแมวไทย อาทิ เช่น นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายพิชัย วาสนาส่ง ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการต่างประเทศ และ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล อดีตผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.) เป็นต้น

 

 

เนื้อหา

ชนิดของแมวไทย

แมวไทย (วิฬาร) ที่ยังเหลือให้พบเห็นในปัจจุบันนี้มี 6 ชนิดคือ วิเชียรมาศ สีสวาด ศุภลักษณ์ โกญจา ขาวมณี และแซมเสวตร[1] แต่แท้จริงแล้วในสมุดข่อยโบราณได้กล่าวถึงแมวไทยว่ามีทั้งหมด 23 สายพันธุ์ แบ่งออกเป็นแมวให้คุณ 17 ชนิด และ แมวร้ายให้โทษอีก 6 ชนิด

แมวให้คุณ 17 ชนิด


แมวไทยบนแสตมป์ของ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ซ้ายบน) ขาวมณี, (ซ้ายล่าง) วิเชียรมาศ, (ขวาบน) มาเลศ, (ขวาล่าง) ศุภลักษณ์
  1. วิเชียรมาศ เมื่อแรกเกิดมีขนสีขาวหมด พอโตขึ้นจะมีสีเปลี่ยนเป็นสีครีมอ่อน ๆ แต่ที่หน้า หาง เท้าทั้งสี่หูทั้งสองข้าง และที่อวัยวะเพศอีก 1 แห่งรวมเก้าแห่งมีสีน้ำตาล (สีเข้ม) มีนัยน์ตาประกายสีฟ้าสดใส เลี้ยงไว้มีคุณค่ายิ่งลำนักหนา จักนำโภคาพิพัฒน์สมบัติเพิ่มพูล
  2. ศุภลักษณ์ หรือ ทองแดง สีขนเป็นสีทองแดงตลอดตัว มีนัยน์ตาเป็นประกาย ใครเลี้ยงจักได้ยศถา ยิ่งพ้นพรรณนาเป็นอำมาตย์มนตรี
  3. มาเลศ หรือ แมวโคราช หรือ สีสวาด มีขนสีดอกเลาเปรียบเสมือนกับเมฆสีเทายามฟ้ายับฝน มีนัยน์ตาหยาดเยิ้มประหนึ่งนำค้างย้ยต้องกลีบบัว ใครพบเร่งให้อุปถัมภ์ แมวนั้นจักนำมาซึ่งสุขสวัสดิ์มงคล
  4. โกนจา หรือ ดำปลอด มีสีดำละเอียด นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม หางเรียวยาว ท่าทางการเดินสง่าเหมือนสิงโต แมวนี้เลี้ยงดีมีคุณหนักหนา จงเร่งหามาเลี้ยงเทอญอย่าแคลงสงสัย
  5. นิลรัตน์ สีดำทั้งตัว รวมถึงเล็บ ลิ้น ฟัน ดวงตา และกระดูก หางยาวตวัดได้จนถึงหัว เลี้ยงไว้แล้วเชื่อว่าจะมีความเจริญ มีทรัพย์ ปราศจากอันตราย
  6. วิลาศ มีลำตัวสีดำจากคอไปตลอดท้อง จากสองหูไปจนถึงหางและขาทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเขียว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีเงินทองมากมาย
  7. เก้าแต้ม มีสีขาวเป็นพื้น มีแต้มสีดำเก้าจุดที่คอ หัว ต้นขาหน้าและหลังทั้งสองข้างและที่ท้ายลำตัว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะรุ่งเรืองทางการค้าขาย
  8. รัตนกำพล ตัวขาวเหมือนหอยสังข์ แต่รอบตัวตรงส่วนอกมีลักษณะคล้ายสายคาดสีดำ ตาสีเหลือง เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมียศ ผู้อื่นยำเกรง
  9. นิลจักร มีลำตัวดำสนิท ที่คอมีขนสีขาวอยู่รอบเหมือนกับปลอกคอ เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมีทรัพย์มาก
  10. มุลิลา ลำตัวดำ หูสองข้างมีสีขาว ตามีสีเหลืองเหมือนดอกเบญจมาศ เชื่อว่าแมวชนิดนี้เหมาะกับนักบวชเลี้ยงเพราะช่วยให้มีการเล่าเรียนดีสม ปรารถนา
  11. กรอบแว่น หรือ อานม้า มีปานลักษณะอานม้าบนหลัง เชื่อว่าแมวชนิดนี้มีราคาสูงถึงแสนตำลึงทองคำ และให้เกียรติยศแก่เจ้าของ
  12. ปัดเสวตร หรือ ปัดตลอด ตัวมีสีดำเป็นพื้น ตั้งแต่จมูกไปตามแนวสันหลังถึงปลายหางมีสีขาว ตาเหลืองคล้ายกับพลอย หากเลี้ยงไว้จะมีความเจริญมากกว่าคนในสกุลเดียวกันและได้ลาภยศ
  13. กระจอก ไม่กระจอกเหมือนชื่อ ลำตัวกลมมีสีดำ รอบปากมีสีขาว ตาสีเหลือง เลี้ยงแล้วเชื่อกันว่าจะได้ที่ดินเงินทอง ไพร่ก็จะได้เป็นเจ้านายคน
  14. สิงหเสพย์ หรือ โสงหเสพย์ ลำตัวมีสีดำ ที่ปาก รอบคอ จมูกมีสีขาว ตาสีเหลือง ท่าทางเดินสง่าเหมือนสิงโต เลี้ยงแล้วมีสิริมงคล
  15. การเวก ลำตัวสีดำ จมูกสีขาว ตาเป็นประกายสีทอง เชื่อกันว่าภายใน 7 เดือนที่ได้มาเลี้ยงจะได้ยศศักดิ์และลาภจำนวนมาก
  16. จตุบท ตัวสีดำ เท้าทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเหลืองเหมือนดอกโสน เชื่อว่าให้คุณกับคนเลี้ยง แต่ไม่เหมาะกับคนทั่วไป สมควรเลี้ยงแก่บุคคลชั้นสูงหรือราชินิกูลเท่านั้น
  17. แซมเสวตร มีขนสีดำแซมขาว มีขนบางและสั้งรูปร่างเพรียว มีนัยน์ตาดั่งหิ่งห้อย เลี้ยงดีมีคุณหนักหนา จงเร่งหามาเลี้ยงเทอญอย่าแคลงสงสัย

แมวร้ายให้โทษ 6 ชนิด

  1. ทุพลเพศ มีขนสีขาว ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตทาตาไว้ มีนิสัยไม่ดีชอบลักขโมยปลาไปกินทุกคำคืน ใครเลี้ยงไว้จะให้โทษไม่เป็นสุขเกิดความเดือดร้อนแรงผลาญ
  2. พรรณพยัคฆ์ หรือ ลายเสือ มีขนลายเหมือนเสือ ลักษณะขนเหมือนชุบด้วยเกลือกับแกลบ มีนัยน์ตาสีแดงเจือสีเปือกตม มีเสียงร้องเหมือนเสียงผีโป่งร้องอยู่ตามป่าเขา ถือว่าเป็นแมวให้โทษอีกชนิดหนึ่ง
  3. ปีศาจ เป็นแมวที่กินลูกตัวเอง ออกลูกมากี่ตัวกินหมด ลักษณะขนสาก ตัวผอม หนังยาน โบราณจัดเป็นแมวร้ายอย่านำมาเลี้ยงไว้
  4. หิณโทษ เป็นแมวนำมาซึ่งสิ่งเลวร้าย นำภัยพิบัติมาสู่บ้าน ใครเลี้ยงไว้จะไม่เป็นมงคล ออกลูกมามักจะมีลูกตายอยู่ในท้อง
  5. กอบเพลิง เป็นแมวที่ลึกลับชอบซ่อนตัวหลบหลีกผู้คน พอมันเห็นคนมันจะเดินหรือรีบวิ่งหนี ใครเลี้ยงไว้จะมีโทษถึงตัว
  6. เหน็บเสนียด มีลักษณะเหมือนค่าง ชอบเอาหางขดซ่อนไว้ใต้ก้นเสมอ มีรูปร่างพิกลพิการ อย่าเลี้ยงไว้ในบ้านจะทำให้เสียชื่อเสียงและเกียรติยศ

ขาวมณี

ส่วน ขาวมณี หรือ ขาวปลอด นั้นถึงแม้ไม่มีปรากฏในตำราแมวไทย เพราะเชื่อว่าเพิ่งถือกำเนิดในต้นยุครัตนโกสินทร์นี่เอง แต่ก็จัดว่าเป็นแมวไทยมงคลด้วยเหมือนกัน
Continue lendo

Sunday, July 22, 2012

Felis Domesticus อยู่ในตระกูล Falidae

Large_1024x768_004
สวัสดีค่ะ แมวยืนสองขาน่ารักปะ แมว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Felis Domesticus อยู่ในตระกูล Falidae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับสิงโตและเสือดาว ต้นตระกูลแมวมาจากเสือไซบีเรียน ซึ่งมีช่วงลำตัวตั้งแต่จมูกถึงปลายหางยาวประมาณ 4 เมตร แมวที่เลี้ยงตามบ้าน จะมีรูปร่างขนาดเล็ก ขนาดลำตัวยาว ช่วงขาสั้นและจัดอยู่ในกลุ่มของประเภทสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร มีเขี้ยวและเล็บแหลมคมสามารถหดซ่อนเล็บได้เช่นเดียวกับเสือ สืบสายเลือดมาจากแมวป่าที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งลักษณะบางอย่างของแมวยังคงพบเห็นได้ในแมวบ้านปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นแมวพันธุ์แท้หรือแมวพันธุ์ทาง แมวเข้ามาเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของแมวคือการทำมัมมี่แมวที่ ค้นพบในสมัยอียิปต์โบราณ หรือในพิพิธภัณฑ์อังกฤษในกรุงลอนดอน มีการแสดงสมบัติที่นำออกมาจากปิรามิดโบราณแห่งอียิปต์ ซึ่งรวมถึงมัมมี่แมวหลายตัว ซึ่งเมื่อนำเอาผ้าพันมัมมี่ออกก็พบว่า แมวในสมัยโบราณทุกตัวมีลักษณะใกล้เคียงกัน คือเป็นแมวที่มีรูปร่างเล็ก ขนสั้นมีแต้มสีน้ำตาล มีความคล้ายคลึงกับพันธุ์ในปัจจุบัน ที่เรียกว่าแมว Abyssinian ต้นตระกูลแมวมาจากเสือไซบีเรียน ซึ่งมีช่วงลำตัวตั้งแต่จมูกถึงปลายหางยาวประมาณ 4 เมตร แมวที่เลี้ยงตามบ้าน จะมีรูปร่างขนาดเล็ก เป็นแมวที่พัฒนาสายพันธุ์มาจากแมวป่าแถบอาฟริกา และแถบยุโรป คนไทยเลี้ยงแมวมาแต่สมัยโบราณ มีการแต่งตำราแมวไทย ไว้ในสมุดข่อยโดยแบ่งเป็นแมวลักษณะให้คุณ 17 ชนิด และแมวลักษณะร้าย 6 ชนิด แมวลักษณะให้คุณ ได้แก่ วิลาศ, นิลรัตน์, นิจจักร, เก้าแต้ม, มาเลศ(โคราช), แซมเศวต, รัตนกัมพล, วิเชียรมาศ, ศุภลักษณ์(ทองแดง), มุลิลา, กรอบแว่น(อานม้า), ปัตเศวต, การเวก, จตุบท,โสงหเสพย, กระจอก, โกญจา แมวลักษณะร้ายได้แก่ ทุพพลเพศ, ลายเสือ, ปิศาจ, หินโทษ, กอบเพลิง, เหน็บเสนียด คุณสมบัติที่ทำให้แมวไทยเหนือกว่าแมวชนิดอื่น คือ อุปนิสัย แมวไทยมีความฉลาด มีความเป็นตัวของตัวเอง รู้จักคิด รู้จักประจบ รักบ้าน รักเจ้าของ และเหนืออื่นใด คือ รักความอิสระของตัวเองเป็นชีวิตจิตใจ อิสระที่ จะกิน จะดื่ม หรือจะไปไหนตามที่ใจชอบ ซึ่งถือว่าเป็นบุคลลิกประจำตัวที่ทำให้แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่น แมวไทย ค่อยๆ สูญพันธุ์ไป ปัจจุบันเหลือเฉพาะแมวที่มีลักษณะให้คุร เพียง 4 ชนิด ได้แก่ แมววิเชียรมาศ เมื่อปี พ.ศ. 2427 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มอบแมววิเชียรมาศคู่หนึ่งให้แก่ กงสุลอังกฤษชื่อนาย โอเวน กูลด์ (OWEN GOULD) แมวไทยคู่นี้ชนะการประกวดแมวที่ กรุงลอนดอน และทำให้ชาวอังกฤษพากันเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น จนถึงขั้นตั้งเป็นสโมสรแมวไทยถึง 2 แห่ง นอกจากประเทศอังกฤษแล้ว พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ยังทรงมอบแมวไทยให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศ เช่น อเมริกา จนทำให้แมวไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในสมัยนั้น แมววิเชียรมาศ เป็นแมวไทยชนิดแรกที่ฝรั่งรู้จัก และตั้งชื่อว่า SIAMESE CAT หรือ SEAL POINT (แมวแต้มสีครั่ง) อันเป็นแมวไทยต้นตระกูลที่ฝรั่งนำไปปรับปรุงสายพันธุ์ จนได้แมววิเชียรมาศลูกผสมต่าง ๆ อีก 8 ชนิด แมววิเชียรมาศ สายพันธุ์แท้ จะมีนัยตาสีฟ้าประกายสดใส ขณะอายุน้อยมีขนสีครีมอ่อน เมื่อโตขึ้น สีขนจะเข้ม เป็นสีน้ำตาล มีแต้มสีน้ำตาลไหม้อยู่ 9 แห่ง คือ ปลายจมูก 1 ปลายหูสองข้าง ปลายเท้าทั้งสี่ ปลายหาง 1, และที่อวัยวะเพศ 1 (ทั้งเพศผู้และเพศเมีย) นับเป็นแต้มสีที่อยู่ในตำแหน่งเหมาะเจาะน่าพิศวง แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่นที่มักมีแต้มสีเลอะเทอะไม่เป็นที่ และเป็นลักษณะเด่นที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ไม่ว่าจะนำไปผสมกับแมวพันธุ์อื่นจะได้แต้มสีตามร่างกาย ตามตำแหน่งเดียวกันเสมอ แต่รูปร่างจะไม่สง่างามเท่าและอุปนิสัยจะไม่ถ่ายทอดไปยังลูกผสม แมววิเชียรมาศเป็นแมวไทยโบราณ ในสมุดข่อยยกย่องว่าเป็นแมวให้ลาภ เลี้ยงกันเฉพาะในราชสำนัก ผู้ใดเลี้ยงไว้จะได้เป็นขุนนาง ปัจจุบัน เรียกแมวพันธุ์นี้ว่า “ แมวเก้าแต้ม” แต่เป็นแมวคนละชนิดกับแมวเก้าแต้มสมัยโบราณ ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้ว แมวโคราช (สีสวาด) แมวโคราช (สีสวาด) มีถิ่นเดิมอยู่ที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา โบราณเรียกว่า แมวมาเลศ หรือแมวสีดอกเลา เพราะมีสีคล้ายดอกเลา เมื่อปี พ.ศ. 2502 นางยีน จอห์นสัน ได้นำแมวโคราชกลับไปอเมริกา จากนั้นนิยมเลี้ยงกันมากไม่แพ้แมววิเชียรมาศ ขนาดมีการจัดตั้งสมาคมผู้นิยมเลี้ยงแมวไทยพันธุ์โคราชขึ้นในอเมริกา แมวโคราชเป็นแมวขนาดกลาง ขนสีเทาออกเงินมันเป็นประกาย ศีรษะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และลาด มีคางและกรามแข็งแรง หูตั้งสูงเด่นแสดงออกซึ่งอาการพร้อมอยู่เสมอ ดวงตาใหญ่เป็นประกาย สีของดวงตามี 2 ชนิด คือ ตาสีเขียว และตาสีเหลือง ขณะยังเล็กมีตาสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดใส และเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอำพันหรือสีเขียวอมเหลืองเมื่อโตเต็มที่ในอดีตถือว่า แมวสีสวาดเป็นแมวแห่งโชคลาภ นิยมใช้แมวที่มีตาสีเขียว ในพิธีแห่นางแมวขอฝน เชื่อกันว่าสีขนคล้ายสีของเมฆอันเป็นที่มาของฝน ซึ่งสร้างความอุดมสมบูรณ์แก่พื้นดิน ตาสีเขียวเปรียบเสมือน ความเขียวขจีของกล้าข้าวในนา แมวขาวมณี (ขาวปลอด) แมวขาวมณี (ขาวปลอด) เป็นแมวไทยพันธุ์แท้ดั้งเดิมที่หลงเหลืออยู่มากที่สุดในปัจจุบัน แม้แมวพันธุ์นี้จะไม่ได้ถูกบันทึกในสมุดข่อยโบราณ แต่สามารถหาหลักฐานได้ตามจิตรกรรมฝาผนังในวัดต่าง ๆ ในเขต ธนบุรี เช่น ในอุโบสถวัดทองนพคุณ แมวขาวมณีเป็นแมวที่สวยงามมาก มีขนาดปานกลาง ขนสีขาวแน่นอ่อนนุ่ม พันธุ์แท้ต้องมีสีขาวปลอดทั้งตัว ศีรษะคล้ายรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่แบน หูใหญ่ตั้งสูงเด่น หางยาวปลายแหลมชี้ตรง ขายาวเรียวได้ส่วนกับลำตัว ดวงตามี 2 สี คือ สีฟ้า หรือ สีเหลืองอำพัน เมื่อเอาแมวขาวปลอด ตาสีฟ้าผสมกับแมวขาวปลอด ตาสีเหลืองอำพัน ลูกผสมที่ออกมาจะมีนัยตา 2 สี คือ ข้างหนึ่งตาสีฟ้า อีกข้างตาสีเหลืองอำพันเรียกกันว่า ODD EYES นิยมเลี้ยงเป็นคู่ เพื่อให้ผลัดกันทำความสะอาดขน ถ้าลี้ยงดูด้วยความรักและเอาใจใส่จะเชื่องมาก เหมาะที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา แมวศุภลักษณ์ (ทองแดง) แมวศุภลักษณ์ (ทองแดง) เป็นแมวสีน้ำตาลไหม้ ทั้งสีสันและลักษณะเหมือนแมวสีน้ำตาลของประเทศพม่าทุกประการ จึงยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย หรือประเทศพม่า แต่มีผู้สันนิฐานว่าพม่านำแมวชนิดนี้ไปจากประเทศไทย สมัยกรุงศรีอยุธยาแตก เมื่อ พ.ศ. 2310 ทำให้แมวศุภลักษณ์ไปแพร่พันธุ์ในพม่า ในปี พ.ศ. 2473 ดร. โจเซฟ ซี่ ทอมสัน ชาวอเมริกา ได้นำลูกแมวสีน้ำตาล จากประเทศพม่ากลับไปยังนครซานฟรานซิสโก และนำไปจดทะเบียนที่ประเทศอังกฤษ โดยตั้งชื่อว่า BURMESE CAT แมวศุภลักษณ์ เป็นแมวขนาดปานกลาง ขนสีน้ำตาลไหม้คล้ายสีทองแดง มีสีเข้มที่ส่วนต่าง ๆ 9 ตำแหน่ง คือ ใบหู 2 ข้าง, ปลายเท้าทั้ง 4 ข้าง, หางเข้มตลอดต้นจรดปลาย 1, จมูกและหน้าผาก 1, อวัยวะเพศ 1, ศีรษะค่อนข้างกลม และกว้าง หนวด และขนในใบหูต้องมีสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับสีของลำตัว หางยาวปานกลางมีลักษณะเรียว และเหยียดตรง ขายาวเรียว มีอุ้งเท้าอวบค่อนข้างกลม ดวงตาสีเหลืองดอกบวบเป็นประกาย มองดูดุร้าย เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ ชอบผจญภัย สนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว รักอิสระเหนือสิ่งใด แมวศุภลักษณ์ เป็นแมวที่มีสีสันและสัดส่วนที่สวยงามมาก ปัจจุบันในเมืองไทยหายากมาก แต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ เป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่คนนิยมเลี้ยงกันมาก
Continue lendo

พันธุ์แมวไทย

พันธุ์แมวไทย

แมวไทยเป็น แมว พันธุ์แท้ที่สืบเชื้อสายมาจาก แมว โบราณ ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นแมวพันธุ์ขนสั้นที่สวยสง่าที่สุดในโลก และแมวไทยยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก น่าเอ็นดู มีเสน่ท์ เป็นที่นิยมกันทั่วโลกอีกด้วย

1. แมวพันธุ์วิเชียรมาศ หรือแมวสยาม

แมวพันธุ์วิเชียรมาศ หรือแมวสยาม
ลักษณะประจำพันธุ์ : แมววิเชียรมาศเป็นแมวที่ชาวต่างประเทศรู้จักกันในนามแมวสยาม (Siamese) ลักษณะที่จำเพาะของแมววิเชียรมาศ คือ สีน้ำตาล

ลักษณะสีขน : ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)

ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีฟ้า

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

2. แมวขาวมณี

แมวขาวมณี
ลักษณะสีขน : ขนสั้นแน่นและอ่อนนุ่ม สีขาวไม่มีสีอื่นปน สีผิวหนังเป็นสีขาวปลอดทั้งตัว

ลักษณะของส่วนหัว : รูปร่างไม่กลม หรือแหลมเกินไป แต่คล้ายรูปหัวใจ ผน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูตั้งใหญ่

ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีฟ้า หรือสีเหลืองอำพัน

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

3.แมวสีสวาด (Silver blue) หรือแมวโคราช (Korat cat)

แมวสีสวาด หรือแมวโคราช 
ลักษณะประจำพันธุ์ : ของแมวสีสวาด แมวพันธุ์นี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คือ แมวโคราช แมวมาเลศ หรือแมวดอกเลา แมวโคราชเป็นแมวที่พบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือเรารู้จักกันในนามว่าโคราช

ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย

ลักษณะของส่วนหัว : หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน

ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

4. แมวโกญจา

แมวโกญจา
ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีดำตลอดทั้งตัว

ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

5.แมวศุภลักษณ์

แมวศุภลักษณ์
ลักษณะประจำพันธุ์ : ของแมวศุภลักษณ์ แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียว ฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง สีขนออกสีน้ำตาลเข้ม คล้ายสีสนิม (สีทองแดง) แต่จะมีสีเข้มมาก ขึ้นบริเวณส่วนหูและในหน้า นัยน์ตาสีเหลืองอำพัน เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสระเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร ปัจจุบันเมืองไทย หายากมาก แต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งเขาได้พัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ และสีอื่นๆ มากมาย
Continue lendo

เมื่อแมวย้ายถิ่นฐานไปยุโรป

เมื่อแมวย้ายถิ่นฐานไปยุโรป


     เอาล่ะค่ะ มาต่อกันเรื่องความเชื่อที่เกี่ยวกับแมวในวัฒนธรรมยุโรป  ซึ่งถือเป็นมุมสว่างในความเชือที่เกี่ยวกับแมวประเด็นสุดท้ายแล้วนะคะ 
   ในยุโรปสมัยกลาง  แมวก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอย่างสูง  เนื่อง มาจาก ปัญหาการแพร่ระบาดของหนูที่มีทั่วทั้งทวีป ทำให้มีผู้คนต้องการที่จะเลี้ยงแมวเพิ่มมากขึ้น และสาเหตุที่แมวสามารถข้ามทวีปมาทางฝั่งยุโรปได้นั้น เพราะชาวโรมันที่ยึดครองอาณาจักรอียิปต์มีบทบาทสำคัญในการนำแมวมายังดินแดน แห่งนี้ จากเดิมที่แมวเป็นสัตว์ชั้นสูง คนที่เลี้ยงแมวจะต้องเป็นคนที่มีฐานะหรือการศึกษาดี กลายเป็นแมวได้รับความนิยมเลี้ยงในบ้านเรือนของประชาชนทั่วไปในฐานะผู้กำจัด สัตว์รบกวน  และ แมวได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตลอดเวลาหลายศตวรรษต่อจากนั้น ทั้งนี้ เนื่องจากมีบทลงโทษต่อผู้ที่ฆ่าแมว(ถึงแม้โทษจะไม่รุนแรงเท่าอียิปต์ก็ตาม)  แต่เป็นบทลงโทษที่กำหนดโดยกษัตริย์พระองค์หนึ่งแห่งเวลส์ในยุคศตวรรษที่ 10 สะท้อนถึงความสำคัญของแมวได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ ซากแมวจะถูกนำมาแขวนโดยผูกที่หางและปล่อยให้จมูกของมันแตะกับพื้นดิน โทษปรับต่อผู้ที่ฆ่าแมวตัวนั้นก็คือ การยึดเมล็ดธัญพืชที่กองสูงขึ้นจนสามารถปิดซากของแมวนั้นจนมองไม่เห็น ซึ่งธัญพืชดังกล่าวแทนปริมาณผลผลิตที่แมวตัวนั้นสามารถรักษาเอาไว้ได้จากการ กัดทำลายของหนู
    
     จากบทลงโทษที่รุนแรงและหนัก  ทำให้ผู้คนเลี้ยงดูและเอาใจใส่แมวเป็นอย่างดี  จวบจนกระทั่งถึงยุคที่คริสตจักรรุ่งเรือง  ความเชื่อเรื่องแมวได้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ  อ๊ะ แต่ถ้าอยากรู้ว่าชะตาของเจ้าเหมียวน้อยของเราจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามเรื่องราวในหมวดต่อไป คือ มุมมืดในความเชื่อที่เกี่ยวกับแมว  ซึ่งจะเป็นความเชื่อด้านลบที่มีต่อแมวในแต่ละวัฒนธรรม   แต่จะเป็นอย่างไรนั้นโปรดติดตาม
     ป.ล.เอารูปแมวสวยๆมาฝาก
 
แมวสาวไฮไซ
แมว ทำสปา
Continue lendo

แมวเป็นสัตว์ที่จำเจ้าของได้


แมวเป็นสัตว์ที่จำเจ้าของได้ แต่จะไม่ติดเจ้าของเหมือนสุนัข จดจำบ้านได้ แต่ชอบหนีออกไปเที่ยว ซึ่งจริงๆแล้วแมวจะผูกพันกับที่อยู่มาก มันมีความรู้สึกเป็นเจ้าถิ่น หวงถิ่น และจะต่อสู้ผู้บุกรุก เพื่อป้องกันที่อยู่ของตัวเอง
- แมวมีวิธีในการจับจองพื้นที่ โดยการปล่อยกลิ่นเฉพาะตัว ละลายปนออกมากับปัสสาวะ คุณอาจเคยได้กลิ่นฉุนๆตามบริวเณฝาผนัง กำแพง รั้วบ้าน เสา ที่ี่มีเจ้าเหมียว
อาศัยอยู่เป็นประจำ นั่นแหละมันได้แสดงสิทธิอาณาเขตของมันไว้แล้ว แต่ไม่ต้องไปกังวล กลิ่นนี้จะหายไป จางไปเองภายในเวลา 2 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย นอกจากนี้ มันยังมีวิธีแสดงสิทธิอีกวิธีหนึ่ง ค่อนข้างจะสุภาพกว่าวิธีแรกคือ มันจะเอาหัว คาง หรือโคนหาง ถูไปมากับสิ่งของที่มันต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ แมวมีต่อมสร้างกลิ่นตัวอยู่บริเวณอวัยวะเหล่านี้ เมื่อเห็นแมวเคล้าแข้งเคล้าขา เอาหัว โคนหาง ถูไปมากลับโต๊ะ แสดงว่ามันได้ปล่อยกลิ่นมันไว้แล้ว รวมถึงการแสดง
ความเป็นเจ้าของตัวคุณด้วย
อุ้ง เท้าของแมวก็ปล่อยกลิ่นได้เช่นกัน การที่แมวข่วน หรือฝนเล็บกับกำแพง ต้นไม้ ฯลฯ ไม่ใช่เพียงแค่ลับเล็บ อีกเหตุผลก็คือ เป็นการแสดงสิทธิ์ให้แมวตัวอื่นรู้ว่า ที่ตรงนี้มันได้จองไว้แล้ว
- แม้แมวบางตัวจะชอบออกไปเตร็ดเตร่นอกบ้าน แต่มันก็จะออกไปไม่ไกลนัก หากแมวห่างจากบ้านไกลมากจนพ้นอาณาเขตที่แมวเคยท่องเที่ยวไป มันจะเริ่มตื่นกลัว และพยายามดิ้นรนกลับบ้าน แมวตัวเมียจะแสดงอาการดิ้นรนมากกว่าตัวผู้ มันจะรู้สึกปลอดภัยในเขตของมัน แมวเจ้าถิ่นจะออกไปขับไล่ต่อสู้กับแมวผู้บุกรุกทันที ไม่มีเกี่ยงรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่

การอาบน้ำแมวนั้นให้ใช้น้ำอุ่นอาบน้ำให้แมว และควรอาบน้ำให้ตอนแดดจัดๆ เพราะเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ขนจะได้แห้งเองได้เร็วขึ้น

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้มีต่อไปนี้

1. แชมพูอาบน้ำสำหรับแมว

2. ผ้าเนื้อนิ่มผืนเล็ก ใช้ถูตัวแมวตอนอาบน้ำ

3. ผ้าขนหนู ใช้เช็ดขนแมวให้แห้งหลังอาบน้ำเสร็จ
ขั้นตอนการอาบน้ำให้แมว
ขั้นตอนการอาบน้ำมีดังนี้

1. เทแชมพูลงในขันน้ำ แล้วเทน้ำผสมลงไป เพื่อลดความเข้มข้นของแชมพู

2. ใช้ผ้าชุบน้ำพอเปียกลูบตัวแมว ขา หาง หู และหัว รวมถึงหน้า จนเปียกทั่ว

3. ใช้ผ้าชุบแชมพู ทำซ้ำข้อข้างต้น จนขนสะอาดทั่ว

4. ใช้ขันตักน้ำหรือน้ำจากสายยางราดตัวแมว ล้างแชมพูออกให้หมด

5. ใช้ผ้าชุบน้ำล้างแชมพูออกจากหู และหัว รวมถึงหน้า

6. เมื่อล้างแชมพูหมดแล้ว ใช้ผ้าขนหนูเช็ดขนจนแห้ง

7. แมวจะไปนั่งตากแดด เลียขน จนแห้งเอง




สิ่งสำคัญในการอาบน้ำให้แมว
1. ตั้งแต่เริ่มใช้ผ้าชุบน้ำลูบตัวแมว จนถึงล้างแชมพูออก ต้องใช้เวลาน้อยที่สุด เพราะแมวไม่ทนหนาว จะเกิดปัญหาแมวดิ้นอาละวาดได้

2. ไม่ต้องล้างภายในหู เพราะน้ำจะเข้าหูได้

นานๆอาบทีก็ได้เพราะแมวรักสะอาดอยู่แล้ว
Continue lendo

ประวัติของแมว

ประวัติของแมว
 

       แมว มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Felis Catus นักชีววิทยาค้นพบว่า บรรพบุรุษของแมวถือกำเนิดขึ้นกว่า 50 ล้านปีมาแล้ว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และกินเนื้อเป็นอาหาร เรียกว่า Miacis และได้วิวัฒนาการขั้นมาจนเริ่มมีลักษณะคล้ายแมวเมื่อ 10 ล้านปีก่อน มีขนาดและรูปร่างใกล้เคียงกับแมวป่าที่มีเขี้ยวขนาดใหญ่ เรียกว่า Dinistis
                            


ต้นตระกูลของแมวบ้าน
      ต้นตระกูลของแมวบ้านจริงๆนั้น แยกออกมาจากตระกูลของ เสือไซบีเรียน และแมวพื้นเมืองต่างๆ ในปัจจุบันสายพันธุ์แมวถูกรวบรวมไว้ถึง 36ตระกูล 51ชนิด (รวมทั้งสิงโตและเสือต่างๆด้วย) ต่อมาถึงยุคอียิปต์โบราณ ประมาณ 4,000กว่าปีก่อน พวกชาวนาได้นำแมวป่า (แมวพื้นเมืองของอียิปต์)มาฝึกให้เชื่อง เพื่อใช้จับหนูในโรงนาและเมื่อหนูในโรงนาหมดไป ก้อทำให้ผลิตผลและพืชพันธุ์มีความเสียหายน้อยลง ประชาชนก็มีอาหารอุดมสมบูรณ์ขึ้น และไม่มีโรคภัยที่เกิดจากหนูอีกด้วยชาวอียิปต์จึงนับถือแมวเป็นสัตว์เทพเจ้า ชาวอียิปต์นับถือเทพเจ้า "Bastet"(เทวีบัสเตต) ซึ่งมีตัวเป็นคน แต่มีหัวเป็นแมว เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก และความอุดมสมบูรณ์ นอกจากชาวอียิปต์จะใช้แมวจับหนูในโรงนาแล้ว ยังใช้แมวจับหนูบนเรือสินค้าอีกด้วย ตรงจุดนี้ เลยเกิดความเชื่อว่า เมื่อเรือเทียบท่า แมวก็ลงจากเรือ แต่ไม่ได้กลับขึ้นเรือจึงทำให้แมวขนาดพันธุ์ไปทั่วโลก
 
 

Continue lendo

ทำไมแมวถึงกลัวน้ำ ?

คำอธิบาย : ดูเหมือนว่าแมวจากเขตร้อนจะชอบน้ำ เช่น เสือ สิงโต จากัวร์ แมวป่าโอเซล็อต
แห่งอเมริกาใต้ แมวป่าจาคารุนดิ แ ...
แมวไม่ได้กลัวน้ำ อย่างน้อยก็ไม่ใช่แมวทุกตัวในโลกก็แล้วกันโดยทั่วไป
ดูเหมือนว่าแมวจากเขตร้อนจะชอบน้ำ เช่น เสือ สิงโต จากัวร์ แมวป่าโอเซล็อตแห่งอเมริกาใต้ แมวป่าจาคารุนดิ และเสือปลาที่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำและหนองบึงตั้งแต่อินเดียลงมาถึงเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ เสือปลาจับปลาโดยการตะปบเหยื่อจากน้ำ บางครั้งก็ถึงขนาดดำน้ำหาปลาเองด้วย เหตุนี้ตีนของมันจึงมีพังผืดเพื่อประโยชน์ในการนี้ แมวบ้านบางชนิดที่รักน้ำได้แก่ เตอร์กีช แวน (Turkish Van) และเตอร์กีช แองโกรา (Turkish Angora)

ถ้าอย่างนั้นแล้วใครกันที่เกลียดน้ำ?เสือดาวหิมะไม่ชอบน้ำ แมวอื่น ๆ ในเขตหนาว เช่น แมวป่าลิงช์ แมวป่าบ็อบแคต และสิงโตภูเขาหรือเสือคูการ์ อาจจะไม่ถึงกับเกลียดน้ำ แต่มันก็ไม่ยอมหาเรื่องจุ่มตัวลงน้ำเล่น ๆ แน่นอนอย่างเสือคูการ์เมื่อมันต้องการข้ามลำธาร มันจะหาจุดที่แคบที่สุดของลำน้ำ ก็เหมือนคนเรานั่นเอง ถ้าเป็นทะเลสาบเล็ก ๆ เสือพวกนี้ก็พอว่ายน้ำข้ามไหว

ผู้รู้บางท่านบอกว่า น้ำมีส่วนทำลายคุณภาพการป้องกันความหนาวของขนสัตว์

ซึ่งคงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้มันไม่ชอบน้ำ เมื่อความเปียกชื้นเป็นปัญหาสำหรับมัน แมวก็ต้องหลีกน้ำกันหน่อย แต่ไม่ว่าแมวจะรู้สึกเช่นใดกับน้ำ บรรพบุรุษของมันมีส่วนสร้างนิสัยนี้และส่งทอดต่อกันมา
Continue lendo

แมวบ้าน

 

แมวบ้าน เป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็น ที่นิยมอยู่ในอันดับต้น ๆ ของสัตว์เลี้ยงทั้งหมด ปัจจุบันทั่วโลกมีแมวบ้านอยู่ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านตัว เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกามีค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปสำหรับอาหารแมวถึง 1,500 ล้านดอลลาร์ต่อปี แมวบ้านเป็นหนึ่งสัตว์เลี้ยงเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถปรับตัวเข้ากับมนุษย์ ได้เป็นอย่างดีโดยที่ยังสามารถคงลักษณะของสัตว์ป่าอยู่ได้ อาจเป็นลักษณะพิเศษนี้เองที่ทำให้แมวบ้านเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นที่ชื่นชอบ สำหรับผู้ที่มีวิถีชีวิตห่างจากธรรมชาติแต่ยังอยากสัมผัสกับสัญชาติญานจาก ป่าอยู่
 
    ต้นกำเนิด
    เชื่อว่าแมวบ้านสืบเชื้อสายมากจากแมวป่าอาฟริกา (African Wildcat-- Felis silvestris silvestris) ส่วนแมวป่า (Felis chaus) ที่มีอยู่ในเมืองไทย หรือแมวพอลลาส (Felis manul) พบว่าไม่มีความใกล้ชิดทางพันธุกรรมกับแมวบ้านแต่อย่างใด อียิปต์คือชาติแรกที่นำแมวมาเป็นสัตว์เลี้ยงเมื่อ 4000 ปีมาแล้ว แมวในยุคนั้นถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เคียงคู่กับศาสนาเลยทีเดียว เช่นเดียวกับวัวที่ถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู
    อุปนิสัย
    แมวบ้านเป็นสัตว์หากินกลางคืนเป็นส่วนใหญ่ แมวบ้านอาจดูเหมือนกับเป็นสัตว์ที่นอนตลอดทั้งวัน แต่ความเป็นจริงแมวจะหลับ ๆ ตื่น ๆ เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ สลับกัน มันตื่นขึ้นมาเพื่อจะสำรวจเสียงหรือสิ่งแปลกปลอมรอบตัว หากไม่มีอะไรน่าสนใจก็จะหลับต่อ แม้ในขณะที่หลับหูของแมวก็ไม่เคยหยุดนิ่ง แต่จะพลิกหันไปหันมาอยู่เสมอเพื่อดักฟังเสียงแปลกปลอมเช่นเสียงความถี่สูง ซึ่งอาจจะเป็นเสียงของเหยื่อ หูของแมวสามารถฟังเสียงความถี่สูงกว่าที่มนุษย์ได้ยินมาก
    ผู้ที่เลี้ยงแมวบ้านอาจเคยสังเกตว่าแมวชอบที่จะถูและกลิ้งเกลือก ตัวกับสิ่งของหรือพื้นที่มีกลิ่นแรง แล้วกลิ่นนั้นก็จะติดกับตัวแมวบ้านไปด้วย พฤติกรรมเช่นนี้เชื่อว่าเป็นสัญชาติญาณที่ติดมาจากธรรมชาติ เพราะกลิ่นภายนอกจะกลบกลิ่นของตัวเอง ซึ่งทำให้เป็นประโยชน์ในการล่าเหยื่อ แม้ว่าแมวบ้านไม่จำเป็นต้องหาอาหารเองเพราะมีคนให้อาหาร แต่ไม่ได้หมายความว่าแมวจะล่าเหยื่อเองไม่ได้ แมวยังล่าสัตว์รอบ ๆ บ้านหลายชนิด เช่น หนู กระรอก ตุ่น หนูผี กระต่าย ค้างคาว รวมถึงนกอีกหลายชนิดเช่น นกกระจอก นกกิ้งโครง นกกางเขน นกพิราบ ไก่ นกกระทา หรืออาจจะกินแมลง และ ปลา ด้วยก็ได้ บางครั้งแมวอาจกินหญ้าหรือพืชใบเขียวบางชนิด พฤติกรรมที่แมวกินพืชเชื่อว่าอาจเป็นความต้องการแร่ธาตุหรือวิตามินบางชนิด ที่ไม่มีอยู่ในอาหารปกติของมัน
    แมวอาจกลืนขนจากลำตัวของมันเองเข้าไปในกระเพาะจนขนรวมกันเป็น ก้อนอยู่ในกระเพาะ สิ่งนี้อาจเป็นเจตนาของมันเองเพื่อให้ก้อนขนเข้าไปบุหรือป้องกันกระเพาะจาก เศษกระดูกอันแหลมคมจากสารพัดเหยื่อที่มันกินเข้าไป
    แมวบ้านเป็นสัตว์ที่อยู่โดยลำพังเป็นส่วนใหญ่ แต่แมวก็มีสังคมในหมู่แมวที่อยู่ในท้องที่เดียวกัน แมวแต่ละตัวมีการจัดลำดับชนชั้นในสังคมแมว ในสถานที่ ๆ มีอาหารหรือเหยื่อให้กินมาก แมวอาจรวมตัวกันเป็นชุมชนแมวขนาดใหญ่และมีสัมพันธ์ที่ดีถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อ กัน แมวในสังคมหนึ่งจะรู้จักมักคุ้นกันโดยมักอาศัยการจำแนกกลิ่น เช่นกลิ่นของปัสสาวะ หรือกลิ่นจากต่อมกลิ่นที่แมวถูกเข้ากับสิ่งของต่าง ๆ
    ชีววิทยา
    เมื่อตัวเมียพร้อมที่จะผสมพันธุ์ มันจะปล่อยกลิ่นและส่งเสียงร้องบ่งบอกถึงภาวะเป็นสัดของมัน ในช่วงนี้มันจะยอมให้ตัวผู้เข้าใกล้เพื่อผสมพันธุ์ได้ แมวตัวผู้ที่คุ้นเคยจะเข้ามาผสมพันธุ์ได้ทันที แต่สำหรับแมวตัวผู้ต่างถิ่นตอนแรกจะถูกขับไล่ออกไม่ให้เข้าใกล้ได้ง่ายดาย นัก มันจะต้องตาม "ตื้อ" อยู่สักพักตัวเมียจึงยอมให้เข้าใกล้ได้
    แมวตัวเมียจะเป็นสัดปีละประมาณ 3-4 ครั้ง แต่ละครั้งจะยาวนานประมาณ 3 วัน แต่ถ้าในช่วงวันแรก ๆ ที่ติดสัดไม่ได้ผสมพันธุ์ ระยะเวลาการติดสัดก็อาจจะยาวนานกว่านี้ ตัวเมียตั้งท้องนานประมาณ 63-66 วัน ออกลูกปีละประมาณ 2 ครอก มีลูกรวมกัน 1-8 ตัว แต่ส่วนใหญ่จะประมาณ 3-5 ตัว แม่แมวจะออกลูกตามโพรงไม้ โคนต้นไม้ กองหลืบหิน พุ่มทึบ ลัง หรือแม้แต่กล่องกระดาษ
    ลูกแมวแรกเกิดหนักประมาณ 85-110 กรัม ตาจะเปิดได้ภายในเวลา 7-20 วัน และเริ่มเดินได้เมื่ออายุ 9 ถึง 15 วัน ลูกแมวเริ่มกินอาหารแข็งได้เมื่ออายุ 4 สัปดาห์และหย่านมเมื่ออายุ 8-10 สัปดาห์ พออายุได้ 6 เดือนก็สามารถแยกจากแม่และหากินเองได้แล้ว เมื่อแมวหนุ่มสาวมีอายุได้ 10-12 เดือน ก็จะเข้าสู่วัยเจริณพันธุ์ พร้อมที่จะผสมพันธุ์และให้กำเนิดลูกรุ่นต่อไป
Continue lendo

แมวเปอร์เซียก็มีการแบ่งเกรดกันด้วย โดยแบ่งออกเป็น 3 เกรด

เกรดโชว์ เกรดบรีดเดอร์ เกรดเพท


         แมวเปอร์เซียก็มีการแบ่งเกรดกันด้วย โดยแบ่งออกเป็น 3 เกรด
เกรดโชว์ ( Show Quality)



GC,DW Partiwai Lucky Star of Lucas
 แมว เปอร์เซียเกรดนี้จะต้องถูกตามหลักมาตรฐานสายพันธุ์ สามารถนำไปประกวดในรุ่น  Championship (หากทำหมันก็ลงในรุ่นPremiership) แมวเกรดโชว์มักจะถูกบรีด (เพาะพันธุ์) มาจากแมวเกรดโชว์กับแมวเกรดโชว์ หรือ แมวเกรดโชว์กับแมวเกรดบรีดเดอร์ หากสังเกตในครอกลูกแมวที่มีเกรดโชว์ ควรดูพี่น้องในครอกเดียวกันว่า แต่ละตัวเป็นเกรดโชว์หมดเลย หรือมีสัดส่วนที่มากกว่า เพราะบางทีอาจะมีหลุดออกมาเป็นเกรดบรีดเดอร์ได้บ้าง แต่ไม่ใช่ในครอกมีเกรดโชว์ตัวเดียวแต่ที่เหลือเป็นเกรดเพทหมด อันนี้สะท้อนว่าพ่อพันธุ์กับแม่พันธุ์ไม่เหมาะกัน การมีแมวเกรดโชว์สิ่งสำคัญที่ตามมาคือการกรูมมิ่งแมวให้สวยคือ แมวเกรดโชว์โดยพื้นฐานสวยแล้ว แต่ผู้เลี้ยงมีส่วนสำคัญในการที่จะทำให้แมวสวยขึ้น โดยเฉพาะหากจะเลี้ยงเพื่อการประกวดยิ่งต้องพิถีพิถันในการดูแลเป็นอย่างมาก เดี๋ยวค่อยว่ากันในลำดับต่อไป 
          แมวเปอร์เซียที่เป็นเกรดโชว์ควรจะมีใบเพ็ดดีกรีและใบรีจีส ที่แสดงประวัติของแมว ชื่อ,สี,เพศ,หมายเลขทะเบียน,วันเกิด ,ชื่อพ่อพันธุ์(Sire)แม่พันธุ์(Dam)และย้อนขึ้นไป ทั้งปู่ย่าตายาย  และยังรวมไปถึงข้อมูลของผู้เพาะพันธุ์ เช่น ชื่อ, Cattery, ที่อยู่ สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือในตัวแมว
          แมวเกรดโชว์สามารถเอามาบรีดเพื่อให้ได้ลูกเกรดโชว์ต่อไป ผู้เลี้ยงก็นิยมนำแมวออกประกวดเพื่อล่ารางวัล บางคนก็ยังให้นิยามแมวเกรดโชว์เพิ่มอีกคือเกรดทอปโชว์ (Top Show Quality) ซึ่งกำลังจะบอกว่ามันสวยจนไม่มีที่ติ คงมีอนาคตไกลในการประกวด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องมีตัวการันตีคือผลงานการประกวดคือตำแหน่ง เช่น GC, DW, RW เป็นต้น การเลี้ยงแมวเกรดโชว์คงต้องพิถีพิถันกันหน่อยในการเลี้ยง กรูมมิ่ง อาหาร สิ่งแวดล้อม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นค่าใช่จ่ายที่สูงตาม
แมวเกรดบรีดเดอร์ (Breeder Quality)




          แมวเกรดนี้เกิดมาจากแมวเกรดโชว์ หรือพ่อแม่พันธุ์ที่ดี แต่อาจจะยังไม่สวยพอที่จะประกวด แต่สามารถที่จะเพาะพันธุ์เพื่อให้ได้ลูกเกรดโชว์ได้ แม้ไม่เหมาะที่จะเอาแมวเกรดนี้ไปประกวดแต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะไม่สวยเลยหรือเป็นเกรดเพท แมวเกรดบรีดเดอร์ต้องไม่มีตำหนิหรือข้อบกพร่องที่จะถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น กรามบิดเบี้ยว, จมูกเอียง, จมูกยาว, หางขดงอ, ขนสั้น, ในเพดดีกรีเคยมีประวัติว่าเป็นทองแดง หรือเป็นหมันหรือให้ลูกพิการ เป็นต้น
          แมวเกรดบรีดเดอร์หากเลี้ยงอย่างดีก็อาจจะสวย เพราะทั้งนี้แมวเกรดบรีดเดอรืเกิดมาจากแมวที่สายพันธุ์ดี ในหลายครั้งจะเห็นว่าแมวเกรดนี้ได้ให้ลูกแมวที่สวยและประสบความสำเร็จในการ ประกวดมามาก ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์การเพาะพันธุ์ของบรีดเดอร์ด้วยที่จะจับคู่ พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่เหมาะสมกัน
แมวเกรดเพท (Pet Quality)

 
         เกรดเพทเป็นแมวที่ไม่ถูกต้องตามลักษณะสายพันธุ์แมวเปอร์เซียและแมวเกรดนี้ ไม่สามารถประกวดในรุ่นมาตรฐานสายพันธุ์ หรือ รุ่น Championship ได้ แต่สามารถประกวดในรุ่น Household Pets ซึ่งแมวรุ่นนี้ไม่ได้คำนึงถึงมาตรฐานสายพันธุ์ และแมวเกรดเพทไม่เหมาะที่จะนำมาทำพันธุ์เพื่อจะให้ได้แมวเกรดโชวืหรือให้ได้ ตามมาตรฐานสายพันธุ์ ในต่างประเทศจะทำหมันแมวเกรดเพทก่อนที่จะขายให้แก่ลูกค้าที่ต้องการซื้อไป เลี้ยง

          ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ แม้จะมีการแบ่งเกรดแมวอย่างไร แต่สำหรับคนที่รักแมว แมวก้ยังเป็นแมวไม่ว่ามันจะเกรดอะไร มันก้ยังเป็นแมวเหมียวในบ้านเราอยู่ดี ผุ้เขียนก็เขียนไปตามประสาและก้ยังคงรักแมวและก็ขาดแมวไม่ได้ ต้องมีไว้เดินไปเดินมาในบ้าน ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเลี้ยงแมวไม่ว่ามันจะเป็นยังไงก้ตาม มันก็คือแมวที่เรารัก
         
ขอบคุณที่มาของรูป
รูปแรก "น้องกี้" ของพี่ลักษณ์ แห่ง Lucaspersians Cattery
รูปที่สอง "น้องอัลมอนด์" ของน้องโอ๊ดน้องจิ๊ก
รูปที่สาม "น้องคอปเตอร์" ของน้องม่วย
Continue lendo

แมวเปอร์เซีย

แมวเปอร์เซีย




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


           แมวเปอร์เซีย ถือเป็นราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลางที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะเป็นแมวขนยาว หน้าตาน่าเอ็นดู หัวกลมสวย ตากลมโต มีหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ รวมถึงหน้าตาก็มีหลายแบบ มีอุปนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนง่าย ร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจง และมีไหวพริบ ซึ่งแมวพันธุ์นี้นับเป็นแมวต่างประเทศที่ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็น พันธุ์แรกด้วย

           แมว เปอร์เซียมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกี และอิหร่านในปัจจุบัน โดยในปี ค.ศ. 1684 ได้มีการบันทึกลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับที่มาของ แมวเปอร์เซีย หรือแมวเปอร์เซียน (Persian Cats) ว่า พ่อค้าทะเลทราย (หรือที่เรียกว่ากองคาราวาน) ทางแถบๆ ตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน มักบรรทุกสินค้ามากมาย อาทิเครื่องเทศน์ อัญมณี และสินค้ามีค่าอื่นๆ ซึ่งบางครั้งก็มีแมวขนยาวติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสีและได้นำแมวติดไปกับเรือสินค้าเดินทางเข้าทวีป ยุโรป ซึ่งหลายปีต่อมาแมวพันธุ์นั้นถูกรู้จักในชื่อ เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)

           ต่อมาในปลายศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษเริ่มผสมพันธุ์แมวเตอร์กิส แองโกร่า กับแมวสายพันธุ์อื่น และพัฒนาจนได้แมวที่มีขนหนาและยาวกว่าเดิม กระทั่งในที่สุดแมวพันธุ์นี้ก็ได้รับการยอมรับและจดทะเบียนขึ้นที่ประเทศ อังกฤษในชื่อว่า Longhair ซึ่งชื่อของมันก็ถูกตั้งขึ้นตามประเทศต้นกำเนิดนั่นเอง

           นอกจากประเทศอังกฤษแล้ว แมวเปอร์เซียยังถูกนำไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ทั้งยุโรปและอเมริกามานานหลายร้อยปี ซึ่งอเมริกาจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า Persian

ลักษณะสายพันธุ์

           แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรง หัวและหน้ากลม หน้าผากโหนก แก้มเต็ม ดวงตากลมโต และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีจมูกที่หัก กล่าวคือ สังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นจุดหักระหว่างจมูกกับหน้าผาก ชัดเจน เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตา

           สำหรับแมวเปอร์เซียที่มีลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ ควรจะมีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา โครงสร้างลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย หูเล็กมีปลายหูที่กลมมน และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน หางสั้นและตรง ไม่มีรอยหัก ขนยาวฟู มีท่วงท่าการเดินดูสง่างาม ทั้งนี้ แมวเปอร์เซียในสมัยแรกๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ต่างจากแมวเปอร์เซียในปัจจุบันมากทีเดียว ปัจจุบันมันถูกพัฒนาให้มีรูปร่างที่สั้นขึ้น ขนยาวขึ้น ถูกเปลี่ยนแปลงโครงร่างให้ใหญ่และกลม จมูกสั้นและหักมากขึ้น

           อย่างไรก็ตาม แมวเปอร์เซียถูกแบ่งออกเป็น 7 ชนิด โดยแบ่งตามสี และลักษณะเป็นหลัก ดังนี้

           1.Solid colour  ขน จะเป็นสีเดียวตลอดตัว ไม่ควรมีสีอื่นแซมเลย สีจะต้องเสมอกันตลอด เช่น white ขนสีขาวบริสุทธิ์, blue ขนสีเทาเข้ม, black สีขนดำสนิท, red ขนสีแดงเข้มและสดใส, cream ขนสีครีมเข้ม, chocolate ขนสีน้ำตาสช็อกโกแลต, lilac ขนสีลาเวนเดอร์

           2.Sliver&Golden ตาจะเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงินเท่านั้น

            3.Shade&Smoke จะมีสีขน 3 แบบ คือแบบ Shell จะมีสีที่ปลายขนเพียงเล็กน้อย แบบ Shade จะมีส่วนที่เป็นสีมากกว่า และแบบ Smoke จะมีสีมากกว่าแบบ Shade

            4.Tabby จะมีลวดลายที่เป็นที่ยอมรับอยู่ 2 แบบ คือ Classic และ Mackerel

           5.Parti-colour จะเกิดขึ้นเฉพาะเพศเมียเท่านั้น อันสืบเนื่องมาจากการสืบทอดทางโครโมโซม

           6.Calico & Bi-Color สีทั่วไปตาจะเป็นสีทองแดง ถ้าเป็นตาสองสีตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้า อีกข้างเป็นสีทองแดง ความเข้มของสีตาทั้งสองข้างเท่าๆ กัน

           7.Himalayan เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวไทยวิเชียรมาสกับแมวเปอร์เซีย จะมีลักษณะแต้มสีตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาส คือหูทั้งสองข้าง ที่หน้าครอบเหมือนหน้ากาก ขาทั้งสี่ ตาสีฟ้าสดใส

อาหารและการเลี้ยงดู

           อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า แมวเปอร์เซียเป็นแมวสายพันธุ์ต่างประเทศ ค่าเลี้ยงดูและค่าตัวอาจแพงสักหน่อย ทั้งนี้ ราคาของแมวเปอร์เซีย มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน ขึ้นกับเกรดของสายพันธุ์ สามารถแบ่งได้เป็น

           เกรดเพ็ด(PET Quality) ส่วนมากเป็นแมวที่เลี้ยงตามบ้านทั่วไป ราคาประมาณ 5,000-15,000 บาท จมูกยาว หน้าไม่บี้ หรือเรียกว่าหน้าตุ๊กตา

           เกรดทำพันธุ์และโชว์(Breed and Show Quality) ส่วนมากเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ เลี้ยงไว้เพื่อประกวด หรือโชว์ มีลักษณะของแมวเปอร์เซียที่ดีครบ โดยหน้าจะบี้ คือ จมูกและตาเกือบเสมอกัน

           นอกจากนี้ ระดับของราคายังแบ่งเป็นสายพันธุ์ในประเทศอยู่ที่ 25,000-35,000 บาท สายพันธุ์นำเข้า 35,000-100,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับสุขภาพของแมว และลักษณะเด่นตามสายพันธุ์

           เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้แล้ว จงพึงระลึกไว้เสมอว่า การดูแลขนของแมวเปอร์เซียเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ผู้เลี้ยงต้องหมั่นทำความสะอาดถึงการแปลงและสางขนแมวอย่างสม่ำเสมอจะช่วย ป้องกันการเกิดขนพันกัน เพราะการที่ขนพันกันเป็นกระจุกนั้นจะเป็นแหล่งเพาะเชื่อโรครวมทั้งพยาธิ ต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบและเป็นที่อยู่ของเห็บหมัดอีกด้วย

           ในเรื่องของอาหารการกินนั้น ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนเส้นขนเข้าไปเป็นจำนวนมาก หากเส้นขนจะไปรวมตัวกันในช่องท้องจะทำให้แมวเปอร์เซียสำรอกหรือเกิดปัญหาของ ระบบย่อยอาหารได้

โรคและวิธีการป้องกัน

           โรคที่พบบ่อยในแมวเปอร์เซียนั้นส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นและถ่ายทอดทาง พันธุกรรม เช่น โรคหายใจขัด หอบ หรือ ท่อน้ำตาอุดตัน เป็นต้น นอกจากนี้ แมวเปอร์เซียที่มีสีขาวรวมถึงแมวเปอร์เซียที่มีตาสีฟ้าหรือตาข้างละสีมักมี ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด คือ หูหนวก อีกด้วย

           อย่างไรก็ตาม โรคท่อน้ำตาอุดตัน และปัญหาคราบน้ำตา เป็นปัญหาที่พบบ่อยและถูกถามถึงมากที่สุด อาการที่พบ คือ มีน้ำตา ไหลในตาข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง ไม่มีอาการหรี่ตา น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาใสๆ ร่วมกับมีคราบติดบริเวณร่องจมูก ซึ่งโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม เกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในท่อน้ำตา เนื่องจากท่อน้ำตาและโพรงจมูกของแมวเปอร์เซียคดไปคดมา

           เมื่อเจ้าเหมียวของคุณประสบปัญหานี้เข้า การแก้ปัญหาเบื้องต้น ผู้เลี้ยงอาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเคอยเช็ดคราบน้ำตาเป็นประจำ เพราะหากปล่อยไว้จนแห้ง อาจเช็ดไม่ออก หมดสวยหมดหล่อไม่รู้ด้วยนะคะ

           แต่ถ้าหากมีคราบน้ำตามเยอะและข้นกว่าปกติ อาจต้องใช้ยาป้ายตาร่วมกับการเช็ดคราบน้ำตา หรืออาจพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อล้างท่อน้ำตา และทำการรักษาต่อไป
Continue lendo
 

เลี้ยงแมว Copyright © 2012 |Design by I Love Cat.