Saturday, November 24, 2012

โรคของแมวและวัคซีน

โรคของแมวและวัคซีน

โรคของแมวและวัคซีน
สวัสดีครับผมผู้ใหญ่บ้าน ได้ทำการรวบรวมบทความดีๆ ที่ทางสมาชิกได้พบเจอ และแนะนำ บทความเข้ามาในบอร์ดของเรา จึงได้ขอรวบรวม สิ่งดีๆเหล่านี้ ไว้ ณ ที่นี้ครับ ไว้สำหรับผู้เลี้ยงแมว และต้องขอขอบคุณ ทางเจ้าของบทความด้วยนะครับ หากท่านใดสนใจ ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปอ่านต่อที่ ลิ้งค์เข้าของบทความด้านล่างได้เลยครับ
cat
:: โรคของแมวที่ต้องฉีดวัคซีน ::

แมวแหมียว เป็นสัตว์ที่รักอิสระ มีนิสัยชอบท่องเที่ยว ซึ่งวิถีชีวิตแบบนี้ อาจนำเจ้าเหมียวให้ไปสัมผัสกับสัตว์อื่นๆ ทำให้มีโอกาสติดโรคต่างๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย มีโรคต่างๆ หลายชนิดที่เมื่อแมวเป็นแล้วมักจะถึงแก่เสียชีวิต ได้แก่โรคมะเร็งเม็ดเลือด ( Feline Leukemia) โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อ (Feline Infectious Peritonitis)และโรคพิษสุนัขบ้า ( Rabies ) โรคไข้หัดแมว ( Feline Distemper ) โรคระบบทางเดินหายใจในแมว (Feline Respiratory Disease ) ส่วนโรคอื่นๆก็อาจเป็นอันตรายกับลูกแมว หรือทำให้แมวโตเต็มวัยมีสุขภาพถดถอยได้

ยังนับว่าเป็นโชคดีที่มีวัคซีนเพื่อป้องกันโรคสำคัญๆในแมว วัคซีนจะช่วยปกป้องแมว จากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ



การป้อง กันจะเป็นหลักประกันว่า ท่าได้ให้คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับแมว ของท่านและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า การรักษาเมื่อแมวเป็นโรคนั้น การฉีดวัคซีนให้แมวเป็นวิธีที่ดีที่สุด และราคาถูกที่สุดในการป้องกันโรคต่างๆถ้าท่านเลี้ยงแมวโดยไม่รัการฉีดวัคซีน ตาม โปรแกรม แมวของท่านอาจล้มป่วยด้วยโรคที่ร้ายแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โปรดปรึกษาสัตวแพทย์ ถึงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดต่อในแมว

cat

:: โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อในแมว (Feline Infection Peritonitis) ::


เกิดจาก เชื้อไวรัส ถึงแม้ความเสี่ยงของการติดโรคนี้จะต่ำ แต่แมวที่เป็นโรคนี้จะเสียชีวิตเสมอภายใน 6 เดือนหลังจากเกิดโรค แมวจะมีช่องท้องขยายใหญ่ เนื่องจากมีของเหลวสะสมอยู่ มีไข้ น้ำหนักลด และตาเจ็บ

:: โรคระบบทางเดินหายใจในแมว (Feline Respiratory Disease ) ::

โรคระบบทาง เดินหายใจมักจะแพร่กระจายจากแมวตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่งได้ง่าย โดยละอองที่ฟุ้งกระจายเมื่อแมวไอ หรือ จาม ลูกแมวที่ป่วยด้วยโรคนี้อาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นปอดอักเสบ แมวที่ป่วยมักมีน้ำมูก น้ำตาไหล จมูกและปากมีแผล ตาอักเสบ มีไข้ โรคนี้มักมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Feline rhinotracheitis และ Feline calicivirus ในกรณีของ Rhinotracheitis จะมีความรุนแรงกว่าและอาจทำให้แมวที่ตั้งท้องเกิดการแท้งได้ แมวควรไดรับการฉีดวัคซีน ซึ่งจะป้องกันโรคจากไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้ได้

cats

:: ควรฉีดวัคซีนชนิดใดให้กับแมว ::


มี วัคซีนป้องกันโรคให้แมวอยู่หลายชนิด ซึ่งโปรแกรมการทำวัคซีนจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตัว สัตว์ มีปัจจัยบางอย่างที่สัตวแพทย์ใช้พิจารณา ก่อนที่จะเริ่มทำวัคซีนให้กับแมว

สุขภาพ โดยรวม สัตว์ที่มีสภาวะขาดอาหาร หรือป่วย หรือกำลังให้ยาบางอย่างอยู่ อาจไม่ตอบสนองต่อการทำวัคซีน ดังนั้นจึงต้องตรวจสุขภาพก่อนทำวัคซีน

ความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค วัคซีนป้องกันโรคบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องฉีด ถ้าความเสี่ยงต่อการติดโรคนี้มีน้อย

อายุแมววัคซีนส่วนใหญ่ประสิทธิภาพดี เมื่อให้กับลูกแมวที่หย่านมแล้ว เนื่องจากภูมิคุ้มกันจากแม่อาจไปลบล้างการทำงานของวัคซีนได้

สัตว์ ที่มีพยาธิ ( เช่นพยาธิลำไส้หรือหมัด ) หรือมีการติดเชื้อ อาจไม่ตอบสนองความต่อการทำวัคซีนได้ สัตวแพทย์จะเป็นผู้แนะนำโปรแกรมวัคซีนที่เหมาะสมและช่วยให้แมวของท่านมี สุขภาพดี ขึ้น

j6ij4

:: การตัดสินใจทำวัคซีน ::


นอกจากโรคไข้หัดแมว และโรคระบบทางเดินหายใจ ที่มีอัตราการป่วยและตายค่อนข้างสูง โรคติดเชื้ออื่น ๆ ในแมวที่ได้รับการฉีดวัคซีนจะมีอัตราต่ำ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า < 1 % โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อ น้อยกว่า 1 % และโรคมะเร็งของเม็ดเลือด น้อยกว่า 3% แต่โรคเหล่านี้ในแมวขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมถึงสถานะของแมวที่ท่าน เลี้ยง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคสูงขึ้น สัตวแพทย์สามารถแนะนำและให้คำปรึกษากับท่านได้

ข้อมูลดีๆจาก : http://www.catandkittenstory.com
Continue lendo

โรคไข้หัดแมว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

หลังเกิดกรณีแมวจำนวนหลายร้อยตัวได้เสียชีวิตติดต่อกันในพื้นที่ของ จังหวัดอ่างทอง ทำให้มีประชาชนนำแมวไปปล่อยตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะวัด เกิดปัญหาสัตว์จรจัดเพิ่มมากขึ้น และหากแมวเหล่านั้นไม่ได้รับการดูแลหรือฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ไว้ก่อน ก็อาจจะเป็นพาหะหรือนำไปสู่การติดต่อของโรค จนถึงขั้นป่วยและเสียชีวิตให้กับแมวในพื้นที่อื่นๆ ได้ต่อไป

ชมรมนิยมแมวแห่งประเทศไทย
จึงขอให้ประชาชนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใกล้ชิดกับแมวทั่วไป อย่าได้ตื่นตระหนกตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้นจนถึงขั้นรังเกียจแมว แต่ขอให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำและคำชี้แจงจากสัตวแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องอย่างเข้าใจ เพราะในความเป็นจริงแล้ว โอกาสที่แมวจะเป็นไข้หวัดหรือเป็นไข้หัดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ หากผู้เลี้ยงแมวไม่ได้นำแมวเหล่านั้นไปฉีดวัคซีนป้องกันไว้ก่อน โอกาสที่แมวจะเกิดโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัด พยาธิ พิษสุนัขบ้า ภาวะการติดเชื้อจากร่างกายอ่อนแอ โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคหัดซึ่งถือเป็นโรคติดต่อง่ายที่สุด เพียงแค่สัมผัสจากลมหายใจ ย่อมเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่สามารถป้องกันได้ โดยภายหลังจากการเล่นกับแมวหรือสัตว์เลี้ยงชนิดใดก็ตามให้ทำความสะอาดส่วน ที่เราได้สัมผัสกับสัตว์เหล่านั้นทุกครั้ง

สัตว์เลี้ยง, โรคไข้หัดแมว, แมว

สำหรับ วิธีการเลี้ยงแมวอย่างถูกต้องเหมาะสมนั้น ผู้ที่เลี้ยงแมวควรพาแมวไปตรวจสุขาพที่โรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกสัตว์ใกล้ บ้าน โดยสัตวแพทย์จะแนะนำให้พาแมวไปฉีดวัคซีนตามอายุต่างๆ ได้แก่

แมว อายุ 1 เดือน
สามารถให้สัตว์แพทย์ตรวจอุจจาระและถ่ายพยาธิได้แล้ว
แมว อายุ 2 เดือน
ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หัดแมว และโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งวัคซีนลิวคีเมียเพื่อป้องกันมะเร็งในเม็ดเลือดขาว
แมว อายุ 3 เดือน
ฉีดป้องกันพิษสุนัขบ้าครั้งที่ 1
และ อายุ 6 เดือน ฉีดป้องกันพิษสุนัขบ้าครั้งที่ 2

หลัง จากนั้นปีละครั้ง ต้องฉีดวัคซีนไข้หัดแมว วัคซีนป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจต่างๆ วัคซีนลิวคีเมีย และโรคพิษสุนัขบ้า ทั้งนี้สัตวแพทย์จะนัดหมายหรือวางโปรแกรมให้กับแมว ตามความเหมาะสมของสุขภาพแมวแตละตัวด้วย


นอกจากนี้ ผู้เลี้ยงแมวต้องคำนึงถึงสุขอนามัยของคนกับแมวที่อาศัยอยู่ร่วมกัน เช่น ถ้าเป็นไปได้ก็ควรทำความสะอาดแมวด้วยการอาบน้ำ เช็ดหูแมว และควรมีกะบะใส่ทรายแมวไว้ เพื่อให้แมวขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง จะสะดวกต่อการเก็บ และลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ หากผู้ใดไม่ต้องการเลี้ยงแมวมากก็ควรจะนำไปทำหมัน และดูแลแมวเท่าที่มีอยู่ต่อไปจนกว่าจะหมดอายุขัย ซึ่งเท่าที่ชมรมฯ พบแมวที่มีอายุมากที่สุดในขณะนี้คือประมาณ 21 ปี หากแมวป่วยก็ควรกักพื้นที่ดูอาการ แยกรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ไม่ใช่นำแมวไปทิ้งนอกบ้าน กลายเป็นภาระของผู้อื่นและเป็นปัญหาสังคมต่อไป

ถ้า มีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมจากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กรุณาติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์บริการเพื่อผู้บริโภค เพอร์เฟค คอมพาเนียน เพ็ท แคร์ 0-2800-9090 หรือชมรมผู้นิยมแมวแห่งประเทศไทย โทร. 0-2811-0211-4
Continue lendo

แนะนำวิธีการดูแลแมวเด็ก




แนะนำวิธีการดูแลแมวเด็ก
(cat magazine)


            Krung Siam Cattery เป็นฟาร์มแมวที่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางสมาคม CFA โดยทางฟาร์มจะมีแมวอยู่สองสายพันธุ์คือ เปอร์เซีย จะเป็นเพ็ดดิกรี CFA ทั้งหมด และ สก็อตติช โฟลด์ จะมีทั้งเพ็ดดิกรี CFA และเพ็ดดิกรี SCFC (สมาคมของไทย) ซึ่งลักษณะนิสัยของสองสายพันธุ์นี้ค่อนข้างจะแตกต่างกันโดยสั้นเชิง แต่สามารถฝึกลูกแมวตั้งแต่วัยเด็กได้ค่ะ วันนี้ Krung Siam Cattery จะมาแนะนำวิธีการดูแลลูกแมวเด็กสำหรับ 2 สายพันธุ์นี้นะคะ





 Breed tips สำหรับลูกแมวเปอร์เซีย

            แมวเปอร์เซียจะเป็นแมวที่เรียบร้อย ขี้อ้อน ช่างประจบ ติดเจ้าของ รักสะอาด ชอบแต่งตัว ชอบหวีขน เราสามารถฝึกลูกแมวให้ชินกับการอาบน้ำ หวีขนได้ตั้งแต่วัยเด็กค่ะ

            สำหรับลูกแมวเปอร์เซีย สามารถหัดให้เขาชินกับการอาบน้ำได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือนค่ะ ควรหัดจับเขาหงายท้อง ให้เขาชินกับการแปรงขนบริเวณท้องได้ตั้งแต่วัยเด็กเช่นกันค่ะ

            ควรเช็ดทำความสะอาดหน้าทุกวัน เพื่อเป็นการฝึกลูกแมวให้ชินกับการเช็ดหน้า หากลูกแมวตัวไหนที่มีน้ำตาเยอะสามารถใช้แป้งขจัดคราบน้ำตา ทาทุกครั้งหลังการเช็ดทำความสะอาดหน้าได้เช่นกันค่ะ




 Breed tips สำหรับลูกแมวสก็อตติช โฟลด์

            แมวสก็อตติช โฟลด์ จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ช่างสงสัย เล่นซน ไม่ค่อยขอบให้อุ้มเท่าไร ชอบเล่นซนเอง หากต้องการให้เขาติดเจ้าของควรฝึกตั้งแต่เล็กๆ โดยการอุ้มและสัมผัสเขาบ่อยๆ พูดคุยเวลาอุ้มให้เขาคุ้นเสียง จะทำให้แมวนิ่งขึ้นแล้วยอมให้อุ้มมากขึ้นพร้อมกับสร้างความคุ้นเคยโดยการใช้ ของเล่นแมวเป็นตัวเชื่อมาระหว่างเจ้าของกับแมว และอย่าลืมว่าแมวเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบการบังคับ ฝึกวันละนิดวันละหน่อยก็พอค่ะ

            ลูกแมวสก็อตติช โฟลด์ จะเป็นแมวที่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง เพราะไม่ต้องดูแลอะไรมากมายค่ะ อาบน้ำ 10 วันครั้ง หรือ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง ก็เพียงพอ แต่ต้องเช็ดหู ตัดเล็บ ทุกสัปดาห์นะคะ

            ที่ สำคัญ ลูกแมวทั้งสองสายพันธุ์นี้ควรเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดนะคะ โดยวางอาหารเม็ดแลนน้ำสะอาดไว้ให้เขาตลอดเวลา สำหรับอาหารเม็ดควรให้แค่พอประมาณ วันต่อวัน ไม่ควรเทเยอะแล้วปล่อยให้ค้างทิ้งไว้ค่ะ

            สำหรับน้ำดื่ม ถ้าแมวกินน้ำจากขวดได้ ก็ควรจะเปลี่ยนน้ำและล้างทำความสะอาดขวดน้ำทุก 3 วันค่ะ สำหรับแมวที่ไม่ยอมกินน้ำจากขวดการให้น้ำกินจากถ้วย ควรเปลี่ยนน้ำวันละ 2 รอบ คือเข้ากับค่ำนะคะ




 การฝึกการอาบน้ำลูกแมว

            ควรอาบด้วยน้ำอุ่น ๆ โดยใช้มือลูบน้ำอุ่นไปตามตัวก่อนที่จะใช้ฝักบัวจ่อตรงไปที่แมว ควรระวังการทำน้ำเข้าจมูกหรือใบหน้าแมว วิธีที่ดีกว่าคือให้อาบน้ำตั้งแต่บริเวณหลังใบหูและต้นคอลงไปค่ะ ส่วนบริเวณหน้าผาก และใบหน้า ใช้ฟองน้ำ (แบบแป้งตลับทาหน้าของคน) ซุบน้ำหมาดๆ เช็ดเอานะคะ จากนั้นให้ใช้ไดร์อุ่นๆ เป่าจนแห้งสนิททั้งตัว ถ้าลูกแมวมีอาการตื่นกลัวเสียงไดร์ สามารถเอาสำลีอุดหูไว้ได้ค่ะ
           
            ก่อนอาบน้ำทุกครั้ง ให้ฝึกการเช็ดหู ตัดเล็บลูกแมวให้คุ้นชินนะคะ ทำทุกครั้งก่อนอาบน้ำ สำหรับลูกแมวเด็ก อาบน้ำ 10 วันต่อครั้งก็ได้ค่ะ แต่หากลูกแมวเป็นเชื้อราควรอาบน้ำทุก 5 วัน ด้วยแชมพูสำหรับรักษาเชื้อรา
 การใช้อาหารเสริมสำหรับลูกแมว

            เริ่มให้ได้ตั้งแต่ลูกแมวมีอายุ 1 เดือนขึ้นไปค่ะ โดยใช้อาหารเม็ดสำหรับลูกแมว แช่น้ำต้มสุก แล้วปั่นจนเหมือนโจ๊ก หรือจะใช้อาหารสำหรับลูกแมวที่เป็นถาดสำเร็จรูป ผสมน้ำอุ่นนิดหน่อยเพื่อที่จะใช้ไซริงก์ดูดขึ้นค่ะ (จะมีของยี่ห้อโรยัล คานิน) โดยใช้ไซริงก์ขนาด 3 CC ป้อนในระยะแรก วันละ 2-3 มื้อเพื่อฝึกการกินอาหารและการย่อยอาหารก่อนค่ะ ในสัปดาห์แรกของการให้อาหารควรให้ครั้งละ 3 CC ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มจนกว่าลูกแมวจะอิ่มค่ะ หลังจากเราเริ่มหัดให้เขากินอาหารเหลวแล้ว ควรใส่อาหารเม็ดสำหรับลูกแมวไว้ให้เขาหัดทานด้วยค่ะ ถ้าเราสังเกตว่าลูกแมวเริ่มกินอาหารเม็ดเองได้ ก็ลดปริมาณมื้อที่เราป้อนให้ลงได้ค่ะ
 การฝึกให้ลูกแมวกินน้ำจากขวด

            จะใช้วิธีการติดขวดน้ำจุกเล็ก ๆ สำหรับลูกแมวในตำแหน่งที่เาสา มารถนั่งกินได้ไว้ใกล้ๆ กันบริเวณขวดน้ำของแม่แมว (หลายครั้งที่เห็นลูกแมวกินน้ำตามแม่แมวค่ะ) แต่ถ้ากรณีดูแล้วปริมาณน้ำไม่ลดเลย ให้เอาปากลูกแมวไปจ่อที่ขวดน้ำได้เลยค่ะ ให้เขารู้ว่ามีน้ำกินจากตรงนี้ จะเป็นการค่อยๆ ฝึกลูกแมวให้เริ่มกินน้ำเองค่ะ
 การฝึกลูกแมวเข้ากระบะทราย

            เริ่มจากการนำกระบะทรายเตี้ย ๆ ที่ลูกแมวสามารถปีนเข้าได้ วางไว้ให้หลังจากลูกแมวเริ่มเดินได้แข็งแรง ตำแหน่งการวางกระบะทรายก็ควรวางไว้ ใกล้กระบะทรายของแม่แมวนะคะ เขาจะเริ่มเข้าตามแม่แมวเองโดยธรรมชิตค่ะ การเข้ากระบะทรายฝึกไม่ยากค่ะ
 การหวีขนลูกแมว

            สำหรับเปอร์เซีย ควรหวีทุก 3 วันครั้ง เพื่อป้องกันการขนพันกันค่ะ แต่สำหรับก็อตติช โฟลด์ ใช้หวีสลิกเกอร์หรือหวีขนหมูหวีทุกสัปดาห์ เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกจากตัวลูกแมวค่ะ
นอกจากนี้ การดูแลเรื่องวัคซีนและถ่ายพยาธิ ลูกแมวควรได้รับการถ่ายพยาธิตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป แล้วถ่ายซ้ำรอบที่สองเมื่อลูกแมวมีอายุ 2 เดือน พร้อมกับการทำวัคซีนเข็มแรกด้วยค่ะ หลังจากนั้นควรทำวัคซีนตามที่แพทย์กำหนดเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกแมวค่ะ
Continue lendo

10 วิธีดูแลลูกแมวตัวน้อย

การดูแลแมว

การรับแมวเหมียวตัวน้อยมาอยู่ในบ้านนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การดูแลให้เขามีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรงนั้นยากกว่าเป็นหลายเท่า จึงขอรวบรวม 10 วิธีการดูแลลูกแมวตัวน้อยมานำเสนอ เรื่องยากๆจะได้กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนรักแมวทุกคน


1. ให้อาหารที่ถูกต้อง
Feed Him Right

อาหาร คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าเหมียว (และสัตว์อื่นๆ) ฉะนั้นการเลือกสรรอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสมในแต่ละช่วงวัยและความต้องการ พิเศษของสายพันธุ์คือสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม เพื่อพัฒนาการทางร่างกายจะได้เจริญเติบโตอย่างราบรื่นไม่มีติดขัด
ปัจจุบัน นี้ท้องตลาดมีอาหารสำเร็จรูปนับไม่ถ้วนรอให้คุณหยิบไปให้เจ้าเหมียวตัวน้อย ที่บ้าน คำแนะนำง่ายๆของเราก็คืออ่านฉลากข้างถุงให้เป็น ดูซิว่าอาหารดังกล่าวนั้นเหมาะสำหรับช่วงวัยใด สายพันธุ์ไหน ส่วนเรื่องรสชาตนั้นเจ้าเหมียวต้องเป็นฝ่ายตัดสิน
ทั้งนี้หากบ้านของคุณ มีเจ้าตูบอยู่ด้วย เราขอเตือนไว้เลยว่าอาหารของสุนัขไม่เหมาะสำหรับแมว หมั่นคอยสังเกตด้วยล่ะว่าเจ้าเหมียวเข้าไปมั่วกินอาหารหรือเปล่า ถ้าใช่ล่ะก็เก็บอาหารให้มิดชิด เพื่อชีวิตอันสดใสของแมวน้อย ...อย่าลืมล่ะ
2. หาสัตวแพทย์
Find a Veterinarian

แมวเด็กย่อม ต้องการการดูแลจากสัตวแพทย์มากกว่าแมวโต ทั้งนี้ก็เพราะเขาจำเป็นที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำ เสมอ การมองหาสัตวแพทย์ประจำตัวจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ต้องรอให้มีปัญหาสุขภาพก่อนค่อยพาไปคลินิกอีกต่อไป
ปัจจัยที่คุณควร ใช้ในการคัดเลือกสัตวแพทย์ประจำตัวนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเอง บางท่านอาจไม่หวั่นหากต้องเดินทางไกลเพื่อพบสัตวแพทย์ที่ศึกษาด้านแมวเหมียว มาโดยเฉพาะ บางท่านก็อาจเน้นที่ความสะดวกสบายใกล้บ้านเป็นหลัก ฯลฯ คำแนะนำของเราก็คือเลือกให้ตรงใจที่สุดเท่านั้นก็พอ

3. ขนสวย = สุขภาพดี
Groom for Health

จริงอยู่ ว่าน้องเหมียวเป็นสัตว์รักสะอาด พวกเขาสามารถเลียขนเพื่อทำความสะอาดตัวเองได้ตั้งแต่ยังละอ่อน แต่คุณเองก็สามารถช่วยเหลือเขาในการทำความสะอาดตัวเองได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน หมั่นช่วยเขาหวีขนบ่อยๆเพื่อกำจัดขนที่หลุดร่วง นอกจากจะช่วยเพิ่มสุขอนามัยให้เขาแล้ว ยังเป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างกันและกันอีกทางหนึ่งอีกต่างหาก

4. ป้ายชื่อเพื่อความปลอดภัย
Tag for Safety

ว่า กันว่าแมวเหมียวนั้นมีความเป็นตัวของตัวเองมากกว่าน้องหมา พวกเขาสามารถออกไปเที่ยวนอกบ้านเป็นวันๆได้โดยกลับมาเฉพาะตอนหิวข้าว ในเมื่อไลฟ์สไตล์ของเขาอยู่ไม่ติดบ้าน อะไรล่ะที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเหมียวของคุณจะปลอดภัยเมื่ออยู่ภายนอก
คำ แนะนำของเราก็คือปลอกคอและป้ายชื่อค่ะ ใส่ให้เจ้าเหมียวของคุณตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อที่ว่าเวลาออกไปนอกบ้านคนอื่นจะได้รับรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ยิ่งไปกว่านั้นควรระบุรายละเอียดให้ชัดเจนลงไปในป้ายชื่อด้วยว่าเจ้าของคือ ใคร เบอร์ติดต่ออะไร เผื่อฉุกเฉินจะได้ตามได้
นอกเหนือการคล้องป้ายและ ปลอกคอแล้ว วิธีการเพิ่มความปลอดภัยอีกอย่างก็คือพาเขาไปแนะนำตัวกับเพื่อนบ้านที่ไว้ใจ ได้ เพื่อให้เขาเป็นหูเป็นตาเวลาเจ้าเหมียวของคุณออกไปป่วนนอกบ้าน จะได้ช่วยกันจับไว้ไม่ให้ไปไกลบ้านเกินไป

5. สั่งสอนตามสมควร
Teach your Kitten well

การ เลี้ยงแมวเหมียวสักตัวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก การฝึกพวกเขาให้เป็นแมวที่ดีนั้นยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ทั้งนี้เพราะพฤติกรรมตามธรรมชาติของเขานั้นเป็นระเบียบอยู่แล้ว ขอแค่เวลาในการเอาใจใส่อย่างจริงจังจากคุณเท่านั้นก็เพียงพอ
โดยการฝึก ที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตแมวบ้านก็คือการใช้กระบะทรายในการขับถ่าย หมั่นฝึกฝนตั้งแต่ยังเยาว์เพื่อสร้างการจดจำและนำไปสู่พฤติกรรมอันเป็นนิสัย เคล็ดลับที่เราอยากแนะนำก็คือหามุมเหมาะในการปลดทุกข์ ซื้อกระบะและทรายแมวจากร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงมาเตรียมไว้ ขั้นตอนต่อไปก็คือหมั่นจับเขาไปนั่งในกระบะเมื่อสังเกตเห็นว่าเขากำลังจะทำ ธุระ ทำซ้ำๆจนให้เขาก้าวเข้ากระบะไปทำธุระด้วยตนเอง เพียงเท่านี้บ้านคุณก็จะเป็นระเบียบเรียบร้อยได้อย่างง่ายๆ

6. แมวต้องฝนเล็บ
Gotta Scratch

คุณอยากให้ เฟอร์นิเจอร์เป็นรอยอันเนื่องมาจากพฤติกรรมฝนเล็บตามบรรพบุรุษของแมวเหมียว หรือเปล่า ถ้าคำตอบของคุณคือไม่ล่ะก็ หาซื้ออุปกรณ์ฝนเล็บมาให้เขาอย่างด่วน เพื่อที่ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านของคุณจะปลอดภัยจากการขูดขีดด้วยกงเล็บ
การ เลือกซื้อที่ฝนเล็บสักชิ้นนั้นไม่มีอะไรยาก คุณสมบัติและประโยชน์ในการใช้สอยแปรผันตามขนาดและราคา บางชิ้นคุณสามารถนำไปตั้งเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งได้เลยในบ้าน เจ้าเหมียวก็สามารถนอนได้ฝนเล็บได้ ครบคุณสมบัติในชิ้นเดียว หรือบางชิ้นก็อาจเป็นแค่ที่ฝนเล็บอย่างเดียวเท่านั้น คุณจะเลือกอะไรก็ตามแต่ความสบายใจได้เลย

7. อย่าลืมการออกกำลังกาย
Exercise, exercise

การ ออกกำลังกายสำคัญสำหรับทุกสิ่งมีชีวิต แมวเหมียวเองก็เช่นกัน หากเขาได้ยืดเส้นยืดสายอย่างเพียงพอ โรคภัยไข้เจ็บก็จะไม่ถามหา ไม่ว่าจะเป็น โรคอ้วน การขับถ่ายบกพร่อง ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยส่งเสริมความเป็นมิตรให้เขาร่าเริงสดใสตลอดเวลาอีก ต่างหาก
ในเมื่อการออกกำลังกายนั้นมีผลดีมากมายขนาดนี้ คุณสมควรต้องส่งเสริมให้ถึงที่สุด จัดหาพื้นที่ในการออกกำลังกายให้เขา ซื้อหาของเล่นมาเตรียมพร้อม เพียงเท่านี้อาณาจักรสุขภาพของเหมียวก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆภายในบ้านของคุณเอง

8. เตรียมตัวเผื่อฉุกเฉิน
Prep for Emergencies

เพราะ เราไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าเหตุฉุกเฉินจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ การเตรียมการไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ไม่ควรละเลย อย่าลืมติดต่อสอบถามสัตวแพทย์ใกล้บ้านให้เรียบร้อยว่าสามารถติดต่อได้ในกรณี ฉุกเฉินหรือไม่ หากไม่มีอย่าลืมหาคลินิกสำรองไว้ด้วย เวลาฉุกละหุกจะได้ไม่ต้องวุ่นวายอย่างไรล่ะ

9. ดูแลเขาให้ถูกต้องถูกวิธี
Treat him right

การ ป้องกันนั้นดีกว่าการรักษาเมื่อยามเจ็บป่วย ฉะนั้นเมื่อรับเจ้าเหมียวตัวน้อยเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด อย่าลืมพาเขาไปรับวัคซีนให้ครบตามกำหนดนัดหมาย อายุเดือนครึ่งก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม สัตวแพทย์นัดเมื่อไหร่ต้องไปห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะวัคซีนแต่ละชนิดหมายความถึงการป้องกันโรคร้ายที่หากเป็นขึ้นมาล่ะก็จะ รักษาลำบาก ไม่ว่าจะเป็น โรคไข้หัดหวัดแมว โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมว ฯลฯ
นอก จากการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคแล้ว การถ่ายพยาธิคือสิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรละเลย อย่าลืมปรึกษาสัตวแพทย์ให้เขาจัดตารางที่เหมาะสมให้กับเจ้าเหมียวของคุณด้วย ล่ะ อ๊ะๆ...เท่านี้ยังไม่หมดนะจ๊ะ อย่าลืมเรื่องการดูแลทำความสะอาดหู ตา จมูก และส่วนต่างๆของร่างกาย เพราะความสะอาดคือสิ่งที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด

10. พิจารณาเรื่องทำหมัน
Spay or Neuter Early

ข้อ สุดท้ายที่เราอยากฝากก็คือการทำหมันแมวเหมียว หากคุณไม่อยากให้เขามีลูกมีหลานหรือเลี้ยงเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ล่ะก็ ตัดสินใจทำหมันไปเลยเมื่ออายุครบเกณฑ์ (ปัจจุบันนี้สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุครบ 10 สัปดาห์) ซึ่งการทำหมันนั้นจะช่วยลดปัญหาพฤติกรรมฉี่เพื่อสร้างอาณาเขตในแมวหนุ่ม รวมทั้งช่วยให้เขาไม่ต้องออกไปเสาะหาคู่ครองนอกบ้าน อันเป็นเหตุให้เกิดอันตรายได้ง่ายๆ สำหรับแมวสาวนั้นการทำหมันจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งเต้านม และลดพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อถึงช่วงเวลาผสมพันธุ์
อย่างไรก็ตามการตัดสินใจทำหมันหรือไม่ทำขึ้นอยู่กับคุณแต่เพียงผู้เดียวค่ะ

ทั้ง 10 ข้อ ที่เรานำเสนอไปนั้น ขอรับประกันความพอใจค่ะว่าอ่านจบ คุณสามารถเลี้ยงเจ้าเหมียวตัวน้อยของคุณให้เติบโตมาอย่างแข็งแรงสดใสแน่ นอน...ฟันธง
Continue lendo

Friday, November 23, 2012

สารอาหารหลักที่แมวต้องการ



อาหารแมว

อาหารแมว คือ อาหารที่ผลิตหรือปรุงแต่งขึ้นให้แมวกิน ถึงแม้แมวจะเป็นสัตว์กินเนื้อประเภทหนึ่ง แต่อาหารแมวที่มีขายในท้องตลาดก็มีทั้งส่วนผสมของเนื้อสัตว์และพืช เพื่อเพิ่มวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ การให้อาหารแมวอย่างถูกวิธีคือการให้อาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน และอยู่ในอัตราส่วนปริมาณที่พอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไป

สารอาหารหลักที่แมวต้องการ
โปรตีน
มีอยู่ในเนื้อสัตว์ เนื้อปลา และถั่วต่าง ๆ แมวนำประโยชน์ของโปรตีนแต่ละชนิดไปใช้ได้มากน้อยต่างกัน โปรตีนมีความสำคัญต่อแมวเกี่ยวกับการเจริญเติบโต การสร้างแอนติบอดีสำหรับป้องกันเชื้อโรค ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ต่าง ๆ ทำให้ขนงอก ตลอดจนสร้างเอนไซน์ต่าง ๆ เป็นต้น ลูกแมวที่กำลังเติบโตต้องการโปรตีนไม่น้อยกว่า 30 % ถ้าแมวได้รับอาหารที่มีโปรตีนต่ำกว่า 18 % จะเบี่ออาหาร
คาร์โบไฮเดรต
แมวต้องการคาร์โบไฮเดรตซึ่งมีอยู่ในน้ำตาล แป้งและข้าวต่าง ๆ เพื่อเป็นกำลังในการเจริญเติบโต การผลิตน้ำนมและ การทำงาน ความต้องการพลังงานของแมวขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแมว เช่น แมวที่เคลื่อนไหว ทำงานวิ่งเล่น ย่อมต้องการพลังงานมากกว่าแมวที่นอนอยู่เฉยๆ
ไขมัน
แมวต้องการไขมันสำหรับกำลังงานหรือแคลอรี่ประมาณ 8 % ไขมันให้กำลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต 2 เท่าและไขมันยังมีกรดไขมันซึ่งมีความสำคัญต่อโภชนาการและการเจริญตามปกติของแมว แมวขาดกรดไขมันจะทำให้ผิวหนังแห้ง และเจริญเติบโตช้า ถ้ามีไม่เพียงพอก่อให้เกิดอาการของโรคขึ้น นอกจากนี้ไขมันยังให้พลังงานเพื่อการเจริญเติบโตตลอดจนการต่อสู้ต่อความเครียด ความหนาว และถ้าขาดมากเกินไปอาจจะทำให้ตายได้
วิตามิน
วิตามิน หมายถึง สารจำนวนน้อยที่สำคัญต่อชีวิต ดังนั้นการให้วิตามินมากเกินไปจึงไม่จำเป็นและมีโทษด้วยวิตามินมีอยู่หลาย ชนิด ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ อาหารแต่ละอย่างจะให้วิตามินแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน เช่น
วิตามินเอ ช่วยในการต้านทานโรค มีในเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง น้ำมันตับปลา
วิตามินบี ควบคุมความสมบูรณ์ ให้กับผิวหนัง ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ป้องกันโรคทางประสาท มีในไข่แดง นม ตับ
วิตามินซี ช่วยบำรุงรักษาผิวหนังและขน แก้โรคลักปิดลักเปิด มีในพืชผักผลไม้
วิตามินดี ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและกระดูก มีในน้ำมันตับปลา วิตามินดีที่มีมากและเพียงพอจะช่วยทำให้ธาตุแคลเซียมหรือฟอสฟอรัสที่ไม่ได้อัตราส่วนนั้นถูกนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น
วิตามินอี มีความจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต การสืบพันธุ์และการผลิตน้ำนม ดังนั้นจึงควรให้วิตามินเหล่านี้แก่แมว โดยเฉพาะลูกแมว
แร่ธาตุ
มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ช่วยในการสร้างกระดูก ฟัน และเลือด ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ

อาหารแต่ละอย่างก็ให้แร่ธาตุแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน แร่ธาตุที่สำคัญ คือ
แคลเซียมและฟอสฟอรัส เป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมให้กระดูกแข็งแรง ถ้าขาดไปจะทำให้แมวเป็นโรคกระดูกอ่อนโค้งงอ
ชนิดของอาหารแมว
การเลี้ยงแมวตามบ้านส่วนใหญ่ของคนไทย ผู้เลี้ยงมักเลี้ยงแมวด้วยอาหารที่ปรุงขึ้นเองในครัว เช่น ข้าวคลุกปลาหรือไข่ต้มหรือน้ำแกงจืด ซึ่งแมวก็อยู่ได้ แต่ถ้าต้องการเลี้ยงอย่างดีเป็นพิเศษ ในบางครั้งอาจมีการเสริมอาหารประเภทเนื้อ นม เสริมให้กิน
สำหรับชนิดของอาหารแมวนั้น สามารถแบ่งออกได้ 3-4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่สามารถซื้อหามาปรุงเอง อาหารสดหรืออาหารสำเร็จรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้มีความแตกต่างกันไปในแง่ของรสชาด คุณภาพ ราคาและคุณค่าของอาหาร ซึ่งผู้เลี้ยงสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

อาหารปรุงเอง
การปรุงอาหารขึ้นเองนั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับการเลี้ยวแมวทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าต้องการให้อาหารถูกส่วนถูกกับความต้องการของแมวควรปรุงให้ตรงตามสูตร อีกทั้งยังต้องมีความเข้าใจถึงหลักโภชนาการมาก่อน เพราะเป็นการปรุงอาหารให้ตรงตามที่แมวต้องการเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก และค่อนข้างละเอียด ผู้เลี้ยงควรคำนวณทั้งอัตราส่วนและปริมาณของสารอาหารที่เหมาะสมตรงตามความ ต้องการของแมวในแต่ละวัย นอกจากนี้อาหารที่ปรุงเองจะมีรสชาดที่ไม่แน่นอน เช่น เค็ม หรือหวาน ซึ่งอาจไม่ถูกปากแมว บางครั้งอาหารอาจจะมีไขมันมากเกินไป ถ้าใส่ข้าวมากก็จะขาดวิตามิน ถ้าใส่เนื้อมากเกินไปก็จะได้รับโปรตีนเกินความจำเป็นส่งผลทำให้ย่อย ยากกระเพาะต้องทำงานหนัก สิ่งเหล่านี้ต้องคำนึง
อาหารสด
เป็นอาหารผสมเสร็จ หาชื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่ว ไป ราคาจะถูกกว่าอาหารสำเร็จรูปชนิดอื่นเล็กน้อย แต่มีข้อเสียคือต้องเก็บไว้ในช่องแช่แข็งตลอดเวลาเพราะเป็นอาหารสดจึงเสีย ง่าย ต้องซื้อบ่อย ๆ อาหารสดผสมเสร็จนี้บางชนิดก็มีคุณค่าทางอาหารครบ แต่บางชนิดก็มีไม่ครบ และนอกจากนี้อาหารผสมเสร็จยังมีคุณค่าทางอาหารน้อยกว่าอาหารสำเร็จ ก่อนนำมาให้แมวต้องปรุงให้สุกเสียก่อน

อาหารสำเร็จรูป
อาหารแมวแบบแบ่งขาย
เป็นอาหารแมวที่มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายทั่วไป โดยทั่วไปแล้วก็เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ไม่ต้องกังวลเรื่องสัดส่วนอาหารเหมือนอาหารปรุงเองหรืออาหารสด อาหารสำเร็จรูปมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบเป็นเม็ดและแบบเปียก
อาหารแบบเม็ด
อาหารแมวแบบเป็นเม็ด หรือ อาหารแห้ง จะมีลักษณะเป็นเม็ดส่วนใหญ่มักมีลักษณะเป็นเม็ดกลม ๆ ประกอบด้วยธาตุอาหารและวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ ที่แมวต้องการอย่างเหมาะสม ส่วนประกอบของอาหารเม็ดโดยมากมาจากเนื้อสัตว์ ซึ่งได้ผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น การบดและอบแห้ง มีคุณค่าของโปรตีนประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของแมวในการนำไปใช้ สร้างความเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของไขมันที่ช่วยสร้างพลังงานและความอบอุ่นให้แก่ ร่างกาย มีวิตามินที่ช่วยให้แมวมันมีขนยาวสวยได้ ที่พิเศษคือมีไฟเบอร์ที่ จะช่วยให้แมวท้องไม่ผูก นอกจากนี้อาหารแห้งยังมีประโยชน์ช่วยขัดฟันของแมวให้สะอาด เพราะเป็นเม็ดกรอบและการเคี้ยวอาหารแห้งก็เป็นการบริหารเหงือกให้แข็งแรงได้ อีกด้วย
การให้แมวกินอาหารเม็ด ควรหัดให้กินตั้งแต่แมวยังเล็ก ๆ หลังอย่านมใหม่ ๆ หรือประมาณ 2 เดือน โดยผสมอาหารแห้งในน้ำนม เมื่อโตได้ประมาณ 3 เดือนจึงให้กินอาหารแห้งเพียงอย่างเดียว สำหรับแมวที่ไม่เคยกินอาหารแห้งมาก่อน การเปลี่ยนมาให้กินอาหารแห้งโดยฉับพลันอาจทำให้แมวท้องเสียได้ เพราะระบบย่อยของแมวนั้นอ่อนไหวและผิดปกติได้ง่ายมาก ฉะนั้นการให้อาหารแมวจึงต้องค่อย ๆ เปลี่ยนโดยสามารถนำอาหารเม็ดมาคลุกผสมกับอาหารเดิมที่แมวเคยกินที่ละน้อย หรืออาจผสมเข้ากับน้ำ นม หรือน้ำแกง เพื่อให้อาหารเม็ดนิ่มขึ้น เมื่อแมวเริ่มชินแล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นอาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่ควรคำนึงสำหรับการเลี้ยงแมวด้วยอาหารแบบเม็ด คือ ควรจะมีถ้วยใส่น้ำสะอาดตั้งไว้ข้างชามอาหารเพื่อให้แมวกิน เพราะว่าอาหารแห้งนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น เมื่อแมวกินอาหารแห้งจะกลืนไม่ค่อยสะดวกทำให้คอแห้งหิวน้ำได้

อาหารแบบเปียก

อาหารแมวแบบเปียกหรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า อาหารกระป๋อง แมวมักจะชอบอาหารชนิดนี้มากกว่าอาหารแบบเม็ด เพราะอาหารเปียกมีลักษณะใกล้เคียงกับอาหารปรุงเอง คือมีลักษณะเป็นน้ำและเนื้อนุ่ม โดยส่วนใหญ่มักประกอบไปด้วยเนื้อปลาหรืออาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู หอยผสมในเจลลี่

อาหารโปรตีนที่คนไทยนิยมนำมาใช้เลี้ยงแมว
มีดังต่อไปนี้


เนื้อปลาทู
โปรตีน
20%

เนื้อกระบือ
โปรตีน
19.6%

เนื้อโค
โปรตีน
18.8%

เนื้อหมู
โปรตีน
14.1%

เนื้อไก่
โปรตีน
18%

เนื้อเป็ด
โปรตีน
16%

เนื้อห่าน
โปรตีน
16.4%

เนื้อกุ้ง
โปรตีน
20.8%

เนื้อปู
โปรตีน
17.2%






ที่มา
: http://th.wikipedia.org


Continue lendo
 

เลี้ยงแมว Copyright © 2012 |Design by I Love Cat.